`หวาน ซ่อนโรค` ชวนเด็กไทยลดกินหวาน
ที่มา : หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
'หวานซ่อนโรค' ชวนเด็กไทยลดกินหวาน ขึ้นชื่อว่า "ความหวาน" ย่อมเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคนโดยเฉพาะเด็กๆซึ่งความหวานมีทั้งหวานจากธรรมชาติ เช่นในผลไม้ชนิดต่างๆ และหวานจากน้ำตาลที่แฝงมากับอาหารแทบทุกประเภท
แต่สำหรับน้ำตาล องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้บริโภคไม่เกินวันละ 25 กรัม หรือ 6 ช้อนชาต่อวัน แต่รู้หรือไม่คนไทยบริโภคน้ำตาลเฉลี่ยสูงถึง 29 ช้อนชาต่อวัน นิทรรศการ "หวานซ่อนโรค" โดยศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ
สสส.ที่นำองค์ความรู้ด้านการบริโภคน้ำตาลมาบอกเล่าพร้อมกิจกรรมสนุกๆ ได้จัดแสดงขึ้นในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2559 จัดโดย กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) ภายใต้แนวคิด "จุดประกายความคิด พัฒนาชีวิตด้วยวิทยาศาสตร์ เสริมสร้างชาติด้วยเทคโนโลยี สู่วิถีแห่งนวัตกรรม" ตั้งแต่วันที่ 18-28 สิงหาคม 2559 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานีอีกทั้งยังมีนิทรรศการที่ให้ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์อีกเป็นจำนวนมาก
นางเบญจมาภรณ์ ลิมปิษเฐียร ผู้อำนวยการ ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. เล่าถึงความร่วมมือของการจัดนิทรรศการหวานซ่อนโรคให้ฟังว่า ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. ได้ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) โดยจัดนิทรรศการองค์ความรู้ด้านสุขภาวะลงพื้นที่ 22 จังหวัดทั่วประเทศซึ่งจะหมุนเวียนกันไป และจะมีงานใหญ่ประจำปี คือมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติโดยจะมีเด็กและเยาวชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญในการสร้างองค์ความรู้ด้านสุขภาวะ ด้วยการนำนิทรรศการหวานซ่อนโรคมาสร้างความสนุกสนานให้เด็กๆ ตั้งแต่วันที่ 18-28 สิงหาคม ในแต่ละวันจะมีเด็กเข้าร่วมกิจกรรมมากกว่า 5,000-6,000 คน
"สำหรับนิทรรศการหวานซ่อนโรคได้สอดแทรกเนื้อหาด้านวิทยาศาสตร์ที่สอดคล้องกับสุขภาพ เช่นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้เลยไม่ต้องย่อย พบได้ในผลไม้สุก น้ำผึ้ง ธัญพืช น้ำตาลโมเลกุลคู่ เป็นคาร์โบไฮเดรตซึ่งต้องผ่านกระบวนการย่อยก่อนร่างกายจึงจะนำไปใช้ได้พบในน้ำตาลทราย อ้อย และน้ำตาลโมเลกุลใหญ่จะไม่มีรสหวาน พบได้ใน ข้าว มัน เผือก เป็นต้น จะเห็นได้ว่าน้ำตาลแฝงมากับอาหารทุกประเภทโดยเฉพาะในขนม หรือน้ำอัดลม ซึ่งเด็กๆ รู้จักน้ำตาลอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าน้ำตาลที่แฝงมาในขนมล้วนมีผลกระทบต่อสุขภาพ รวมถึงการสอดแทรกกิจกรรมทางกายเพื่อให้รู้ว่าหากกินเข้าไปในปริมาณมากก็ต้องออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยอย่างสมดุล ทั้งการปั่นจักรยานและกระโดดตามสี" ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. อธิบายถึงที่มาของนิทรรศการหวานซ่อนโรค
นางเบญจมาภรณ์ ยังบอกอีกว่า ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้เล่นเกมและตอบคำถามในแต่ละฐาน ฐานแรกเป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับน้ำตาลที่จะอธิบายถึงประโยชน์และโทษ ฐานที่ 2 จะให้เด็กเลือกอาหารที่ชอบ 3 อันดับ และฐานที่ 3 เป็นการรวมปริมาณน้ำตาลจากอาหารที่เด็กๆ เลือก และจัดกิจกรรมทางกายที่เหมาะสมให้กับเด็ก โดยหวังว่าผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้รับความรู้เกี่ยวกับการบริโภคน้ำตาลว่าควรกินวันละเท่าไรจึงจะเหมาะสม นำความรู้เหล่านี้ไปปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินของตนเองและแนะนำคนรอบข้างได้ ส่วนนิทรรศการหวานซ่อนโรคกิจกรรมบางส่วนจะนำไปจัดที่ศูนย์เรียนรู้ สุขภาวะ สสส. และหมุนเวียนไปตามศูนย์เรียนรู้สุขภาวะภูมิภาคต่อไป
ด้าน นางสาวฉัตราภรณ์ รุ่งเฉลิมลักษณ์ อายุ 15 ปี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนสาธิตบ้านสมเด็จเจ้าพระยา สะท้อนความรู้สึกหลังจากเข้าร่วมกิจกรรมว่า ได้ความรู้เกี่ยวกับการบริโภคน้ำตาลสำหรับผู้ใหญ่ไม่ควรเกินวันละ 6 ช้อนชา ส่วนเด็กไม่ควรเกิน 4 ช้อนชา รวมถึงโรคที่มากับการกินน้ำตาลเกินความจำเป็น ทั้ง เบาหวาน ความดัน และหากกินมากไปแล้วร่างกายเผาผลาญไม่หมดก็จะเปลี่ยนรูปเป็นไขมันสะสมในร่างกายทำให้อ้วนและเป็นต้นเหตุของโรคอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย ซึ่งความรู้เหล่านี้จะนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน จากปกติเป็นคนชอบกิน รสหวานก็จะกินให้น้อยลง รู้จักควบคุมอาหารและออกกำลังกายไปด้วยเพื่อสุขภาพที่แข็งแรง
"ชอบกิจกรรมปั่นจักรยานค่ะ เพราะสนุก ทำให้เราได้เคลื่อนไหวร่างกายไปด้วย และจากการร่วมเล่นเกมทำให้รู้ว่าในแต่ละวันเรากินน้ำตาลเข้าไปเยอะมากเพราะเป็นคนชอบกินขนม ถึงแม้จะทำให้อิ่มแต่ก็ทำให้เกิดความหิวอยู่บ่อยๆ ซึ่งก็ทำให้ยิ่งกินมากเข้าไปอีก หลังจากนี้จะลดการกินขนมให้น้อยลง" เด็กหญิงสุภารัตน์ สบาย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดโนนสะอาด เล่ากิจกรรมที่ชอบ
เช่นเดียวกับ นายกชกร เชิดฉาย อายุ 17 ปี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนป้อมนาคราชสวาทยานนท์ ที่ชื่นชอบกิจกรรมปั่นจักยานและชอบกินขนมหวานเป็นประจำเพราะเวลากินทำให้มีความสุข แต่หลังจากเข้าร่วมเล่นเกมทำให้เขารู้จักน้ำตาลมากขึ้น ได้ทราบถึงประโยชน์และโทษของการกินน้ำตาลในปริมาณมาก และเปลี่ยนความคิดหันมาลดการกินหวานให้น้อยลง
ขณะที่ นายเนตร เรียนงาม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนลำสนธิวิทยา บอกว่า ปกติเป็นคนไม่ชอบกินหวานอยู่แล้ว ยิ่งได้รับความรู้เกี่ยวกับการกินหวานยิ่งทำให้ตนรู้สึกอยากออกกำลังกายมากขึ้นเพราะจะได้มีสุขภาพที่แข็งแรง และพยายามเลี่ยงอาหารรสหวานควบคู่กับการออกกำลังกายให้มากขึ้น โดยกิจกรรมที่ชอบคือปั่นจักรยานเพราะเป็นการออกกำลังกายที่สนุกแถมยังได้สุขภาพดีอีกด้วย การบริโภคน้ำตาลในปริมาณที่เหมาะสมจะให้ผลดีแก่ร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลูโคส ที่ช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเคมีในสมอง ทำให้สดชื่นอารมณ์ดี แต่หากได้รับในปริมาณที่มากเกินไปจะก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายต่างๆ มากมาย