หวัด09ระบาดหน้าหนาว

หวัด09ระบาดหน้าหนาวสธ.จับมือ สสส.ป้องกัน

 

 

          ไข้หวัดใหญ่ 2009 กลับมาระบาดหน้าหนาว  เพราะเชื้อไวรัสอยู่ในสภาพแวดล้อมได้นาน จึงแพร่เชื้อได้มากขึ้น สาธารณสุขเตรียมมาตรการรับมือ หลังพบผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย เป็นผู้หญิงอ้วนฉุ กับสตรีตั้งครรภ์ 6 เดือน เตือนชาวบ้านอย่าประมาท ถ้าป่วยควรรีบไปพบหมอทันที ขณะนี้โรคดังกล่าวยังไม่สูญพันธุ์ ขณะที่หลายประเทศคุมเข้ม สั่งยกเลิกฝึกทหารเพื่อป้องกันแพร่ระบาด

 

          ที่กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 4 พ.ย. นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมช.ศึกษาธิการ และนพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้หารือถึงความร่วมมือในโครงการระดมนักศึกษาแพทย์ ร่วมต้านไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 นายวิทยากล่าวว่า กระทรวง   สาธารณสุข ได้ขอความร่วมมือกระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานกองทุนสนับสนุน  การสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อขยายความร่วมมือการรณรงค์ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ซึ่งจากการติดตามสถานการณ์พบว่าปีนี้ฤดูหนาวมาเร็วกว่า   ปกติ เชื้อไวรัสจึงอยู่ในสภาพแวดล้อมได้นาน ทำให้แพร่เชื้อได้มากขึ้น จึงต้องเน้นย้ำให้ประชาชนป้องกันตัวไม่ให้ป่วยอย่างต่อเนื่อง

 

          สำหรับความร่วมมือครั้งนี้ สสส.จะสนับสนุนงบประมาณ กระทรวงสาธารณสุขจะให้การสนับสนุนทางด้านข้อมูลวิชาการ โดยวันที่ 12 พ.ย.นี้ จะเริ่มอบรมแกนนำนักศึกษาแพทย์ และสาขาที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ของมหาวิทยาลัยทุกแห่งในเขตกรุงเทพฯ ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นอกจากนี้ นพ. มงคล ณ สงขลา ประธานการรณรงค์ของสสส.ได้เตรียมระดมเครือข่าย แท็กซี่ รถเมล์ รถตู้ สายการบิน มาร่วมรณรงค์ครั้งใหญ่ เพื่อกระตุ้นเตือนประชาชนในการป้องกันตัวจากโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009

 

          ทางด้านนายชัยวุฒิกล่าวว่า ที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา ได้ลงนามความร่วมมือกับสสส. รณรงค์ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 โดยช่วงแรกจะเป็นกลุ่มบุคลากร นักศึกษาในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ส่วนช่วงที่ 2 จะให้สถาบันอุดมศึกษาที่มีคณะแพทยศาสตร์ทั้งหมด 19 แห่ง มีนักศึกษาทุกชั้นปีเกือบ 10,000 คน แล้วขยายผลไปทั่วประเทศ นอกจากนี้จะให้มีการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับสถานการณ์ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ด้วย

 

          ขณะที่นพ.ไพจิตร์กล่าวว่า สำนักระบาดวิทยารายงานสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในรอบวันที่ 18-31 ต.ค. 52 มีผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย โดยมีภาวะเสี่ยงคือโรคประจำตัวและหญิงตั้งครรภ์ที่มารับบริการค่อนข้างล่าช้า ทำให้ไม่ได้รับยาต้านไวรัสภายใน 3 วันหลังป่วย สรุปจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย.เป็นต้นมา รวม 184 ราย

 

          ส่วนนพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงผู้เสียชีวิต 2 คน ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า คนแรกเป็นหญิงอายุ 33 ปี มีโรคอ้วน น้ำหนัก 189 กก. นอกจากนี้ผู้ป่วยยังมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไตวาย ส่วนอีกรายเป็นหญิงอายุ 30 ปี ตั้งครรภ์อายุ 6 เดือน โดยไปพบแพทย์หลังจากป่วยแล้ว 5 วัน ทำให้แพทย์ไม่สามารถช่วยชีวิตได้ จึงขอฝากไปยังพี่น้องประชาชน ถ้าป่วยควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะขณะนี้โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ยังไม่หมดไป ดังนั้นอย่าประมาท

 

          ทางด้านสำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ว่าผลการศึกษาวิจัยโดยหน่วยงานสาธารณสุขรัฐแคลิฟอร์เนีย ระบุว่าทารกแรกเกิดมีแนวโน้มต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล จากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 มากที่สุด แต่ผู้ป่วยอายุ 50 ปีขึ้นไป มีความเสี่ยงมากที่จะเสียชีวิตในโรงพยาบาลจาก    การติดเชื้อไวรัส โดยอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ร้อยละ 19 แต่เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีลงมา มีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ร้อยละ 7 เท่านั้น และกลุ่มอายุน้อยที่สุด คือ ทารกอายุตั้งแต่ 2 เดือนลงมา พบว่ามีเกือบ 12 คนในจำนวน 100,000 คน ที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลจากการติดเชื้อในช่วง 4 เดือนแรกของการแพร่ระบาดในรัฐแคลิฟอร์เนีย

 

          ส่วนความเคลื่อนไหวอื่น ๆ นั้น กระทรวงสาธารณสุขของยูเครน แจ้งว่ามีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้นเป็น 71 ศพ แต่ไม่ได้ระบุว่าเสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จำนวนเท่าใด ขณะที่องค์การอนามัยโลก(ฮู)ได้เริ่มเข้ามาสอบสวนการแพร่ระบาดครั้งนี้ ซึ่งทางรัสเซียกับสโลวาเกีย สั่งคุมเข้มบริเวณชายแดนที่ติดกับยูเครน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด และที่เกาหลีใต้ กระทรวงกลาโหมแถลงว่า ได้สั่งยกเลิกชั่วคราวการฝึกของทหารกองหนุน ไปจนถึงสิ้นเดือนพ.ย.นี้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด รวมทั้งระงับการฝึกซ้อมการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนประจำเดือนพ.ย. ไปก่อน

 

 

 

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

 

 

 

Update: 05-11-52

อัพเดทเนื้อหาโดย:อภิชัย วรสิทธิ์ขจร

 

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code