หยั่งรากหัวใจมนุษย์ ผลิใบหัวใจแพทย์
เพิ่มพื้นที่ช่วยผู้ป่วยระยะสุดท้าย
ม.สงขลาฯ เจ๋ง ใช้ทฤษฎี “กัลยาณมิตร” ส่ง นศ.แพทย์ลงพื้นที่เอาใจผู้ป่วยระยะสุดท้าย เผยใช้ใจสื่อสารกับผู้ป่วยกว่า 90% ประสบความสำเร็จยกระดับคุณภาพชีวิตคนไข้ให้ดีขึ้น ช่วยแก้ปัญหาการฟ้องร้องแพทย์ ชี้ผู้ป่วยกล้าพูดคุยแสดงออก ขณะที่ สสส. ไว เตรียมขยายเพิ่มอีก 100 แห่งทั่วประเทศ
ที่อิมแพคเมืองทองธานี ในงานเสวนา “หยั่งรากหัวใจมนุษย์ ผลิใบหัวใจแพทย์” จัดโดยสถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาล (พรพ.) ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ผศ.นพ.อานนท์ วิทยานนท์ จิตแพทย์คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) กล่าวว่า คุณสมบัติแพทย์ที่ดี ไม่เพียงมีความรู้ในการรักษาโรคให้หายเท่านั้น แต่ต้องมีจิตวิทยาการสื่อสารที่ดี อดทน สามารถรับฟังความทุกข์ของผู้ป่วยได้ จัดการกับปัญหาได้ดี ความสำคัญด้านการสื่อสารระหว่างแพทย์กับผู้ป่วยถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะผู้ป่วยระยะสุดท้ายเพื่อให้เขาสามารถใช้ชีวิตในช่วงเวลาที่เหลืออยู่อย่างมีความสุข
ผศ.นพ.อานนท์ กล่าวว่า มอ.จึงพัฒนาหลักสูตรฝึกทักษะการสื่อสารสำหรับนักศึกษาแพทย์ หน่วยชีวันตาภิบาล ปี 1-2 ทั้งภาคทฤษฎีและปี 3-4 ภาคปฏิบัติ ซึ่งหลักสูตรนี้ได้พัฒนามาตั้งแต่ปี 2551 จนปัจจุบันประสบความสำเร็จ ซึ่งนักศึกษาแพทย์ปี 3-4 ที่ผ่านหลักสูตรภาคทฤษฎี แล้วต้องลงพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อทำหน้าที่เป็นกัลยาณมิตรเยี่ยมผู้ป่วยระยะสุดท้าย ฝึกให้นักศึกษาแพทย์มีปฏิสัมพันธ์พูดคุยซักถามกับคนไข้ด้วยหัวใจในฐานะเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง คอยดูแลแบบองค์รวม คำนึงถึงการใช้ชีวิตของผู้ป่วยด้านต่างๆ ทั้งกาย จิตใจ ความเชื่อทางศาสนา สังคมและครอบครัว กฎหมาย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้ผู้ป่วยหลุดพ้นจากความกังวล ความกลัว ความทรงจำที่ไม่ดีในอดีต และไม่เอาความเชื่อเข้ามาชักจูงผู้ป่วยให้คล้อยตาม อย่างไรก็ตามนักศึกษาแพทย์ที่ขึ้นปี 3-4 ต้องมีความรู้ความเข้าใจในการดูแลผู้ป่วยตามหลักสูตรฝึกทักษะการสื่อสารที่วางไว้ และหลังจากลงพื้นจะมีการประเมินผลของนักศึกษาแพทย์แต่ละรายว่ามีทักษะด้านการพูดคุยกับผู้ป่วยอย่างไรบ้าง และผู้ป่วยมีทัศนะคติอย่างไรกับนักศึกษาแพทย์บ้าง
“หลักสูตรฝึกทักษะนั้นจิตใจของผู้ป่วยได้รับการยอมรับจากผู้ป่วยและแพทย์ว่า กว่า 90% สามารถสร้างความสุขให้กับแพทย์ที่ปฏิบัติงาน ส่งผลดีต่อการรักษาผู้ป่วย สร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ผู้ป่วยกล้าพูดคุย กล้าแสดงออกมากขึ้น และที่สำคัญไม่พบปัญหาการฟ้องร้องแพทย์เกิดขึ้น ซึ่งต่างจากอดีตที่ผู้ป่วยไม่เคยได้รับความใส่ใจต่อคนรอบข้างทำให้มีผลกระทบทางด้านจิตใจ ซึ่งการสอนหลักสูตรกับนักศึกษาแพทย์ สามารถมองภาพรวมของผู้ป่วยทั้งกายและใจ ไม่ยึดติดกับความคิดของตนเอง คำนึงถึงความต้องการของผู้ป่วยเป็นหลัก โดยแพทย์ใช้ใจมองผู้ป่วยมากขึ้นทำให้เกิดมีความเข้าใจการรักษาไปในทิศทางเดียวกันและลดปัญหาการขัดแย้ง” ผศ.นพ.อานนท์ กล่าว
นางงามจิตต์ จันทรสาธิต ผู้อำนวยการสนับสนุนโครงการเปิดรับทั่วไป สสส. กล่าวว่า ที่ผ่านมา สสส.ได้สนับสนุนโรงพยาบาลต่างๆ ทั้งระดับมหาวิทยาลัย โรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ชุมชน เพื่อพัฒนาทักษะการให้บริการดูแลผู้ป่วยด้วยหัวใจ คาดว่าภายใน 2 ปี จะเพิ่มจำนวนโรงพยาบาลกว่า 100 แห่งทั่วประเทศ เพราะนอกจากจะช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว ยังมีเครือข่ายที่สนใจเข้ามาเรียนรู้เพิ่มมากขึ้น แสดงให้เห็นว่า แพทย์หรือผู้ให้บริการเป็นผู้มีจิตใจที่ดี เพียงแต่มีภาระงานมากขึ้นจนอาจทำให้ขาดการสื่อสารทำความเข้าใจทั้งกับผู้ป่วยและญาติ โครงการนี้ทำให้ทั้งผู้ให้และผู้รับบริการมีความสุข
ที่มา : สำนักข่าว สสส.
Update 16-03-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : ฤทัยรัตน์ ไกรรอด