‘หมั่นขยับร่างกาย’ เทคนิคอย่างง่าย สร้างความอบอุ่นรับมืออากาศเย็น
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
'หมั่นขยับร่างกาย'เทคนิคอย่างง่าย สร้างความอบอุ่นรับมืออากาศเย็น
"แค่ขยับเท่ากับออกกำลัง" สโลแกนสามารถเข้ากันได้ดีกับผู้สูงอายุที่อยู่ในพื้นที่หนาวเย็นทั้งต่างจังหวัด กรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่อุณหภูมิขยับมาเล็กน้อย ทำให้ได้สัมผัสกับอากาศเย็นๆ หรือแม้แต่อากาศที่หนาวจัดในชนบทที่อยู่ห่างไกลบางพื้นที่ ดังนั้น "การสร้างความอบอุ่น" ให้กับร่างกายของวัยเก๋าจึงนับเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลสุขภาพเบื้องต้นให้ปราศจากโรคภัย
ที่หลายคนมักจะมองข้ามเรื่องการรักษาระดับอุณหภูมิในร่างกายให้พอเหมาะ โดยเฉพาะช่วงอากาศเย็น เพราะโดยปกติแล้วมักจะเคลื่อนไหวน้อยลง จึงทำให้เกิดอาการหนาวสั่นได้ง่าย ถึงขนาดแม้สวมเสื้อผ้าตัวหนาและถุงมือถุงเท้าก็เอาไม่อยู่ อ.ณรงค์ เทียมเมฆ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสุขภาพจาก สสส. มาแนะนำถึง "การแอคทีฟ" เพื่อสร้างความอุ่นสบายให้กับร่างกายของผู้สูงอายุไว้น่าสนใจ
อ.ณรงค์ เทียมเมฆ บอกว่า "หากผู้สูงวัยต้องการสร้างความอบอุ่นอย่างง่ายๆ ให้กับตัวเองเพื่อรับมือกับอากาศหนาวเย็น โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในชนบท ขอให้นำทุกคนหมั่น "แอคทีฟร่างกาย" ซึ่งในที่นี้คือการที่หมั่นขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวบ่อยๆ เพราะการอยู่นิ่งๆ ก็จะยิ่งทำให้เกิดภาวะหนาวสั่น ทั้งนี้ ประโยชน์ของการขยับร่างกายก็จะทำให้ได้ทั้งทำงานบ้าน และได้ยืดแข้งยืดขาหรือออกกำลังกายไปด้วยในตัว สำหรับการแอคทีฟร่างกายนั้น แนะนำให้ "ทำงานบ้านเบาๆ" เช่น การปัด กวาด เช็ด ถู, การจัดบ้านให้เป็นระเบียบ, จัดหนังสือบนชั้นวางให้เข้าที่, เปลี่ยนน้ำแจกัน, ให้อาหารปลาที่เลี้ยงไว้, รดน้ำต้นไม้ หรือหากเป็นผู้สูงอายุที่อยู่ต่างจังหวัด ก็สามารถใช้งานประจำอย่าง การทำไร่ทำนา หรือถอนหญ้าหน้าบ้าน ที่สามารถเป็นทั้งอาชีพและออกกำลังไปในตัว
นอกจากนี้ "การออกกำลังกาย" ที่ผู้สูงอายุเคยทำอยู่เป็นประจำ เช่น บางคนที่ออกกำลังด้วยการวิ่งอยู่แล้วก็แนะนำให้วิ่ง แต่ถ้าถนัดเอกเซอร์ไซส์ด้วยการเดินก็สามารถทำได้ หรือแม้แต่การเดินรอบบ้านเพื่อรดน้ำต้นไม้ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีสร้างความอบอุ่นให้ร่างกายในช่วงอากาศเย็นได้ดี แต่หากพื้นที่ไหนมีหมอกลงจัด ซึ่งเสี่ยงต่อการเป็นหวัด ก็ควรเลือกช่วงเวลาของการเดินออกกำลังให้มีแสงแดดออกรำไร ก็จะดีต่อสุขภาพไม่น้อย แต่ถ้าหากเป็นผู้สูงอายุที่อยู่ในเมืองแนะนำให้เดินเอกเซอร์ไซส์ช้าๆ ในสวนสาธารณะที่ตั้งอยู่กลางเมือง โดยให้ได้อย่างน้อยๆ ประมาณ 1-2 กิโลต่อวัน ทั้งนี้ ไม่แนะนำให้ขับรถยนต์ส่วนตัวไปออกกำลัง เพราะอาจทำให้เสียเวลาในการหาที่จอด แต่แนะนำให้ใช้บริการรถขนส่งสาธารณะจะดีที่สุด
ปิดท้ายกันที่การสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกายด้วย"วิธีแบบธรรมชาติ" อาทิ การดื่มน้ำต้มสมุนไพรเพื่อขับไล่อาการหนาวเย็นอย่าง น้ำตะไคร้, น้ำขิงอุ่นๆ, น้ำเต้าหู้, นมร้อน ที่ใส่น้ำตาลน้อยๆ หรือแม้การนั่งผิงไฟ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ต่างจังหวัด เวลาที่อากาศหนาวเย็น เสื้อผ้าและผ้าห่มเอาไม่อยู่ เขาก็จะนิยมก่อกองไฟไว้หน้าบ้าน และชวนสมาชิกในบ้านมานั่งล้อมวงผิงไฟเพื่อขับไล่ความหนาวเย็น ก็เป็นความเติมความอบอุ่นให้กับปู่ย่าตายายและลูกหลานได้ทางหนึ่ง แต่ทั้งนี้ก็ควรระวังเรื่องไฟไหม้ด้วยเช่นกัน กล่าวโดยสรุปการสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกาย ก็สามารถเลือกได้ตามลักษณะความพร้อมของแต่ละพื้นที่ครับ"