หมอแท้จริงเตือนขาเมาฉลองออกพรรษา
จับมือตร.ตั้งด่านตรวจเข้มทั่วปท.
เข้าพรรษาที่ผ่านมาปีนี้เท่าที่พูดคุยกับหลายคนที่เป็นคอเหล้า ปรากฏว่าปวารณาตัวเองงดเหล้าช่วงเข้าพรรษากันมากทีเดียว สถิติน่าพอใจสำหรับหลายฝ่ายที่รวมหัวใจหวังดีรณรงค์ให้พี่น้องไทยเราหลุดพ้นไปจากการขาดสติสัมปชัญญะ คนตั้งอยู่ในความประมาทน้อยลง อย่างน้อย 3 เดือนอย่างเช่นองค์กร สสส.หรือ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
สามเดือนที่ว่าทำให้คนที่ปวารณาตัวงดเหล้ามีสุขภาพกายและใจดีเยี่ยมครอบครัวมีความสุข ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ สังคมไม่ต้องเดือดร้อนวุ่นวายและเกิดการสูญเสียโดยไม่จำเป็น
แต่มีคนช่างสังเกตว่า คนที่ปวารณาตัวงดเหล้าเข้าพรรษานั่นแหละจำนวนไม่น้อยที่รอคอยวันออกพรรษามาตั้งสามเดือน จิตใจเล่าร้อนเหลือเกินที่โหยหาอบายมุขคือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พอออกพรรษาปุ๊บวันแรกก็ฉลองกันทันทีคราวนี้ว่ากันต่อเนื่องไปอีก 9 เดือนหนักกว่าสามเดือนตั้งสามเท่าตัว
การสูญเสียจะตามมาเป็นทวีคูณอันรวมความแล้วทุกข์จะเกิดหนักขึ้นกว่าเก่าอีก
เรื่องนี้ผู้ที่ห่วงใยอย่างนายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ได้แสดงความห่วงใยผ่านสื่อมวลชนเพื่อที่จะให้ช่วยกันเป็นกระบอกเสียงเตือนสติกัน ในเวลาเดียวกันก็ร่วมมือกับหน่วยงานที่จะช่วยระงับยับยั้งมิให้คอเหล้าที่ฉลองการเปิดขวดเหล้าออกพรรษาให้มีสติอยู่บ้างอย่างน้อยก็ผ่านการใช้รถใช้ถนน
หมอแท้จริง เปิดเผยว่า “เทศกาลเข้าพรรษากำลังจะผ่านพ้นไปแล้ว หลังจากที่คนไทยได้บำเพ็ญตนเป็นพุทธมามกะด้วยการถือศีล งดเว้นอบายมุข สิ่งหนึ่งในนั้นก็คือ การงดเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ตลอด3 เดือน แต่หลังจากวันที่ 4 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันออกพรรษาจะมีคนไทยอีกจำนวนมากเตรียมฉลองเทศกาลออกพรรษาด้วยการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หลังจากที่อดมานาน 3 เดือน ประกอบกับช่วงตลอด1 เดือนหลังออกพรรษาเป็นเทศกาลทอดกฐิน มีการเดินทางของประชาชนเพื่อไปทำบุญเป็นจำนวนมาก และมักมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุจราจรอยู่เป็นประจำ
“ในช่วงเทศกาลออกพรรษาปี 2551 ต่อเนื่องไปถึงเทศกาลทอดกฐินและลอยกระทง (ต.ค.-พ.ย.2551) ปรากฏว่ามีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจร 1,836 คนบาดเจ็บ 11,760 คน สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการเมาแล้วขับ และจากสถิติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งแต่เดือนมกราคม-กรกฎาคม 2552 มีผู้ถูกจับกุมในคดีเมาแล้วขับทั้งสิ้น 87,628 คน แยกเป็นกรุงเทพฯ 12,819 คน ต่างจังหวัด74,809 คน”
นายแพทย์แท้จริง กล่าวว่า อยากขอเชิญชวนคนไทยเข้าร่วมโครงการออกพรรษาเมาไม่ขับ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ให้หายจากพระอาการประชวรโดยเร็ววัน
“ไหนๆ ก็อดกันมาถึง 3 เดือนแล้วก็อยากเชิญชวนให้อดกันตลอดไปเลยแต่ถ้ามีความจำเป็นหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขอให้พึงระวังไว้เสมอว่าเมาไม่ขับ ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเองและผู้อื่น”
เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวทิ้งท้ายว่าอยากขอเตือนไปยังขาเมาทั้งหลายอย่าได้ฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งขณะนี้มูลนิธิเมาไม่ขับได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดโครงการ 365 วัน อันตรายหยุดความตายด้วยวินัยจราจร โครงการนี้ทำต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2551 โดยจะเน้นการระดมตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่ที่เมาสุราทั่วประเทศตลอดทั้งปีแทนที่จะเน้นเพียงช่วง 7 วันอันตรายในเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์
“ปัจจุบันกฎหมายระวางโทษจำคุกสูงสุดผู้ที่เมาแล้วขับไม่เกิน 1 ปี ปรับ5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ 6 เดือน คุมประพฤติเป็นเวลา 1 ปี ทำงานบริการสังคม 24 ชั่วโมง ที่ผ่านมา มีผู้ที่เมาแล้วขับขี่ถูกตัดสินลงโทษโดยจำคุกไม่รอลงอาญาแล้วหลายราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ขับขี่รถสาธารณะซึ่งต้องรับผิดชอบชีวิตคนเป็นจำนวนมาก”นายแพทย์แท้จริงกล่าว
สภาพสังคมไทยวันนี้เชื่อว่าได้สร้างความทุกข์ให้เกิดขึ้นทั้งทางกายและทางใจพอสมควร คือความแตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกัน ขาดความสามัคคี แต่ทุกอย่างจะเดินไปได้ถ้าคนไทยทุกคนมีสติใช้ปัญญาร่วมกันกำจัดปัดเป่าปัญหานั่นก็คืออย่าถูกครอบงำด้วยอบายมุขโดยเฉพาะอย่าแก้ปัญหาด้วยน้ำเมา
ตั้งสติตั้งแต่ช่วงเทศกาลออกพรรษาไม่มุ่งฉลองกันด้วยเหล้า ไม่ว่าจะเพื่อดับทุกข์หรือฉลองหลังหยุดมาสามเดือนงดต่อถือว่าเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่กุศลต่อการถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และกุศลผลบุญทางพระพุทธศาสนาเป็นความดีที่โลกจะยกย่องสรรเสริญตลอดไป
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
Update: 08-10-52
อัพเดทเนื้อหาโดย: อัญณิกา กฤษสมัย