หนุนใช้งานวิจัย แก้ปัญหาความรุนแรงในครอบครัว

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า


หนุนใช้งานวิจัย แก้ปัญหาความรุนแรงในครอบครัว thaihealth


แฟ้มภาพ


ปัญหาการใช้ความรุนแรงต่อเด็กและสตรี เป็นเรื่องสำคัญที่ควรได้รับการดูแลแก้ไขจากทุกภาคส่วนในสังคม และรณรงค์ให้เกิดความตระหนักมากขึ้น จึงกำหนดให้เดือนพฤศจิกายนของทุกปี เป็นเดือนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี


เดือนพฤศจิกายนของทุกปี คณะรัฐมนตรี โดยกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้กำหนดให้เป็นเดือนรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ พบยังมีตัวเลขความรุนแรงทางเพศต่อเด็กและสตรีสูงในประเทศไทย และภูมิภาคอาเซียน แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนการวิจัยเพื่อแก้ไขในประเด็นปัญหาดังกล่าวเท่าที่ควร


ศ.ดร.สุภา เพ่งพิศ อดีตผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การสำรวจวิจัยในกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) พบความรุนแรงที่เกิดขึ้นในครอบครัวมักเป็นผู้หญิงถูกสามีทำร้าย เนื่องจากส่วนใหญ่ยังคงมีความเชื่อที่สืบทอดกันมาว่า สามีมีสิทธิ์ในตัวภรรยา สามารถทำอะไรกับภรรยาก็ได้ โดยในประเทศไทย พบมากถึงร้อยละ 70 ที่เคยโดนทำร้ายทั้งทางร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงตั้งครรภ์เนื่องจากเป็นช่วงที่ผู้หญิงอ่อนแอมากที่สุด


"จากงานวิจัยพบว่า ผู้หญิงที่มีแนวโน้มที่จะโดนสามีทำร้ายอยู่แล้วในทางใดทางหนึ่ง จะยิ่งถูกทำร้ายมากยิ่งขึ้นในช่วงตั้งครรภ์ ซึ่งการทำร้ายอาจเป็นไปในลักษณะของการทำร้ายร่างกายหรือการทำร้ายด้วยวาจา ไม่ว่าจะเป็นการใช้วาจาที่ไม่สุภาพพูดทำร้ายจิตใจ ดูถูกถากถาง ไปจนถึงด่าทอบุพการี รวมถึงการคุกคามทางเพศ และการทำให้อับอาย เป็นความรุนแรงในครอบครัวที่หากเกิดขึ้นจะกลายเป็นวงจรอุบาทว์ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เช่นเดียวกับการ กระทำทารุณกรรมต่อบุตร" ศ.ดร.สุภา กล่าว


ศ.ดร.สุภา กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของภรรยา พบว่าโดนสามีทำร้ายจนต้องหนีจากไป จากนั้นสามีตามไปขอคืนดี แล้วอีกไม่นานก็กลับมาทำร้ายภรรยาอีก โดยที่ผู้ถูกกระทำไม่กล้าลุกขึ้นมาตอบโต้หรือแม้แต่จะเรียกร้องสิทธิตามกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรีในสังคมชั้นสูงซึ่งไม่อาจเปิดเผยได้เนื่องจากเกรงจะกลายเป็นข่าวใหญ่โต นอกจากนี้ ยังพบจำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้รับความสุขทางเพศ จากสามี แต่มิได้เปิดเผย หรือขอความช่วยเหลือใดๆ เพราะเห็นเป็นเรื่องน่าอับอาย


"ในการตัดวงจรความรุนแรงดังกล่าวให้ได้ตอบโจทย์มากที่สุด จำเป็นต้องมีการศึกษาวิจัยเพื่อสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วนกันอย่างจริงจัง ซึ่งที่ผ่านมาพบอุปสรรคว่าผู้วิจัยยังไม่ได้รับการสนับสนุนเท่าที่ควร ส่วนใหญ่ไม่ผ่านการพิจารณาให้ได้รับการจัดสรรทุนวิจัย เนื่องจากหัวข้อวิจัยเกี่ยวกับความรุนแรงที่เสนอขอรับทุนนั้น ไม่ถูกจัดอยู่ในประเด็นเร่งด่วนของประเทศที่เน้นเรื่องการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และอุตสาหกรรมเป็นหลัก" ศ.ดร.สุภา ระบุในฐานะผู้มีประสบการณ์ในการทำวิจัยด้านความรุนแรงทางเพศในสตรีทั้งในระดับชาติ และนานาชาติมาอย่างยาวนาน แม้ในช่วงที่รับตำแหน่งผู้บริหารก็ยังคงทำงานวิจัยเพื่อช่วยเหลือสตรี ผู้ถูกกระทำทางเพศมาโดยตลอด


ศ.ดร.สุภา ยังได้กล่าวให้กำลังใจนักวิจัยรุ่นหลังที่ทุ่มเททำงานวิจัย ด้านความรุนแรงทางเพศของสตรีว่า ขอเพียงไม่ท้อถอย และทำงานวิจัยอย่างต่อเนื่อง เพียรสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับทางภาครัฐ เอกชน และชุมชนให้มีส่วนร่วมในการสร้างสังคมที่ปราศจากความรุนแรงในครอบครัว เชื่อว่าปลายทางจะพบกับแสงสว่าง ได้รับการสนับสนุนจนสามารถช่วยลดความรุนแรงของการกระทำทางเพศต่อสตรีและเด็กของไทยและโลกใบนี้ลงจนบรรลุเป้าหมายได้อย่างยั่งยืนในที่สุด

Shares:
QR Code :
QR Code