สุขใจข้ามปี กับพลังคน

เริ่มต้นความสุขรับเทศกาลปีใหม่ กับการเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับในกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี ๒๕๕๖-๒๕๕๗ ณ ท้องสนามหลวง “สุขข้ามปี” ของเหล่าคนสร้างสุข

ทำงานหนักมาตลอดปี ขอแค่มีหนึ่งเสี้ยวเวลาดีๆ ในชีวิต ได้มาร่วมกิจกรรมเพื่อ “รับขวัญความสุข” ในพื้นที่ซึ่งรายล้อมด้วย องค์กรศาสนา หน่วยงานน้ำดี องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร กับเหล่ากิจการเพื่อสังคม (social enterprise : se) ที่มารวมตัวกันปฏิบัติภารกิจสร้างสรรค์สิ่งดีสู่สังคม และ “ส่งต่อความสุข” เพื่อต้อนรับเทศกาลปีใหม่

เรากำลังพูดถึง กิจกรรม “สวดมนต์ข้ามปี 2556-2557” ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 31 ธันวาคม 2556 ไปจนถึงวันที่ 1 มกราคม 2557 ที่ผ่านมาภายใต้ชื่องาน “สวดมนต์ข้ามปี เริ่มต้นชีวิตดี” กิจกรรมบุญส่งท้ายปลายปี โดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีสมาชิก

“แนวคิดของเราคือ ‘การอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข’ เรามองว่าการส่งความสุขให้กันเป็นสิ่งที่ควรทำ อยากให้คนในสังคมอยู่ร่วมกันได้ และแบ่งปันกัน จึงอยากให้ทุกคนได้มาร่วมกันทำความดี และเริ่มต้นสิ่งดีๆ ด้วยกัน ในวันปีใหม่”

“สายใจ คงทน “ ตัวแทนกลุ่ม wearehappy เจ้าของกิจกรรม แบ่งปัน ส่งต่อความสุข ที่ขนการ์ดอวยพรนับพันใบ มาแจกจ่ายผู้ร่วมงานเพื่อเขียนคำอวยพรถึงเหล่าคนรัก คนพิเศษ กันแบบฟรีๆ หลังจากร่วมกิจกรรมน้ำดีมา 2 ปี แล้ว

“เราทำการ์ดอวยพร แล้วให้เด็กๆ ได้เขียนความตั้งใจของตัวเองว่าอยากทำอะไร หรืออยากเปลี่ยนแปลงอะไรตัวเองในวันปีใหม่ เริ่มจากทำการ์ด และวาดรูป ระบายสี สำหรับเด็กที่ไม่สามารถทำการ์ดได้ แรกๆ คิดว่างานนี้จะมีแต่ผู้สูงอายุ แต่พบว่ามีทั้งเด็ก วัยรุ่น วัยทำงานมากันเยอะมาก ส่วนใหญ่มาเป็นครอบครัว จึงเน้นกิจกรรมที่ครอบครัวจะสามารถทำร่วมกันได้ คือทำการ์ดและส่งความสุขให้แก่กัน”

กลุ่ม wearehappy มุ่งพัฒนากิจกรรมและสร้างกระบวนการเรียนรู้ของเด็ก เยาวชน และครอบครัว ภายใต้ภารกิจสร้างสรรค์กิจกรรม เพื่อพัฒนา เด็ก เยาวชน ครอบครัว ชุมชนและสังคม บูธเล็กๆ ที่จัดขึ้น จึงเป็นการตอบจุดยืนของพวกเขา และยังประชาสัมพันธ์ตัวเองให้สังคมได้รู้จักในวงกว้างด้วย

นอกจากเปิดพื้นที่ให้ประดิษฐ์ ตกแต่งการ์ด ทำสคส.ด้วยตัวเอง ด้วยอุปกรณ์ที่พร้อมสรรพ ยังมีซองเปล่าจัดเตรียมไว้เพื่อให้สามารถนำไปส่งต่อให้คนที่รักได้ทันที ขณะที่อีกส่วนยังมี การปณิธานปีใหม่ โดยให้ทุกคนได้เขียนความตั้งใจมุ่งมั่นสัญญากับตัวเองว่าจะเปลี่ยนตัวเอง ลงใบกรอบปณิธานพร้อมโลโก้สวดมนต์ข้ามปี ส่วนเจ้าตัวเล็กที่ติดสอยห้อยตามพ่อแม่มาทำความดีด้วย ก็ยังมีกิจกรรมวาดรูประบายสีให้ได้เพลิดเพลินตลอดงาน

“ปีนี้เราเข้าร่วมเป็นปีที่ 3 ทุกครั้งที่ผ่านมา จะเจอแต่ความประทับใจดีๆ ซึ่งไม่เพียงแต่คนไทย แม้แต่ชาวต่างชาติ ก็สนใจเขามาไถ่ถาม ว่าคนไทยมาทำอะไรกัน ก็บอกเขาว่า มาสวดมนต์ข้ามปี สำหรับวันขึ้นปีใหม่ของไทย ซึ่งเขาให้ความสนใจมาก ยังแวะมาเขียนการ์ด และขอให้ช่วยใส่คำอวยพรเป็นภาษาไทยให้ เขาบอกว่าจะส่งกลับไปให้เพื่อนที่ประเทศของเขา”

นี่คือหนึ่งความประทับใจของคนได้ร่วมกิจกรรมแห่งความสุข เช่นเดียวกับ “วีรวัฒน์ กังวานนวกุล” ตัวแทนจากกลุ่มคนเฒ่าคนแก่ “พิพิธภัณฑ์เล่นได้” จากจังหวัดเชียงราย ที่มีโอกาสร่วมกิจกรรมเมื่อ 2 ปี ที่ผ่านมา กับบูธ “เล่น เรียนรู้ สมาธิ กับของเล่นจากธรรมชาติ”

“ปีแรกก็ยังนึกภาพไม่ออกว่าจะทำกิจกรรมอะไรดี แต่เรามีทุนสังคม คือ ของเล่นพื้นบ้าน ซึ่งไม่ใช่แค่ของเล่น แต่เรามี “กระบวนการเล่น” ที่ทำให้เกิดสมาธิจากของเล่นเหล่านี้ จึงนำของเล่นมาร่วมกิจกรรม”

พวกเขาทำตั้งแต่ จัดนิทรรศการเล่นได้ โดยนำของเล่นพื้นบ้าน จากวัสดุธรรมชาติ ในรูปแบบที่ให้ผู้เข้าร่วมได้เล่น เรียนรู้ผ่านการสัมผัส จับต้อง ลองเล่น ซึ่งเป็นของเล่นพื้นบ้านที่มีมากกว่า 70 ชนิด จำนวนกว่า 100 ชิ้น เวลาเดียวกันก็จัด workshop ให้ผู้คนได้ใช้สมาธิกับการทำของเล่นพื้นบ้าน “ในความคิดถึง” อาทิ ใบพัด ลูกข่าง ร้อยโมบาย ฯลฯ ทำเสร็จก็มอบให้กลับไปเป็นของขวัญปีใหม่

ขณะที่พิเศษขึ้นคือ การเปิดโอกาสให้ได้ร่วมทำบุญปีใหม่ ด้วยการส่งมอบของเล่นพื้นบ้านให้กับน้องๆ ที่ขาดแคลน

“ปีนี้ยังไม่แน่ใจว่าจะทำได้มากแค่ไหน แต่ผมรู้สึกว่าคนไทยชอบทำบุญ และไม่ได้อยากซื้อหาของเล่นให้ตัวเองหรอก แต่อยากทำบุญ เลยเลือก 10 โรงเรียน 10 ชุมชน ที่ขาดแคลนของเล่น ซึ่งคุณอยากซื้อของเล่นให้กับใคร เราจะจัดส่งไปให้ในนามของคุณเอง นี่คือโจทย์ของปีนี้ แต่ก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะค่าใช้จ่ายถูกตัดไปบ้าง แต่ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด”

เขาบอกความตั้งใจ หลังงบประมาณจัดงานลดลงจากปีที่ผ่านมา ขณะที่ความคิดก็ยังใหญ่โตขึ้น อย่างไรก็ตามเขาบอกว่า การได้มาออกงานใหญ่เช่นนี้ ไม่ได้ส่งผลเพียงความสุขที่ให้กับสังคม แม้แต่ชุมชนของพวกเขา ก็ได้รับอานิสงห์ไปด้วย

 “เวลามีคนมาเจอ แล้วนำเรื่องราวของพวกเราออกไปเผยแพร่ มันจะดีกับคนในพื้นที่มาก เพราะอย่างที่ทราบว่า คนในพื้นที่มักไม่เห็นความสำคัญของตัวเองหรอก ตราบเท่าที่เขาได้มาออกงาน ออกสื่อ ทำให้เขาเห็นของดีของบ้านเขา เห็นคุณค่าในชุมชนของตัวเขาเองมากขึ้น และนี่คือสิ่งที่เราได้รับ ซึ่งผมมองว่า คุ้มค่ามหาศาลมาก”

และไม่เพียงการออกงาน “ชั่วคราว” แต่พวกเขายังหวังการสนับสนุนจากคนใจดีในสังคม เพื่อร่วมรักษาสิ่งดีงามนี้ไว้

“เราเป็นเพียงองค์กรเล็กๆ ไม่ได้มีงบประมาณสนับสนุน ไม่ได้มีเจ้าภาพ เราไม่เคยไปขอเงินใคร แต่ขอแค่การมีส่วนร่วม โดยชุมชนใด หน่วยงานใด อยากทำกิจกรรม เราไปช่วยทำให้ได้ หรือใครอยากแต่งงาน อยากได้ของชำร่วย ก็สามารถทำให้ได้ รวมถึงการเป็นสะพานบุญ ใครอยากสนับสนุนของเล่นไปให้กับเด็กที่ขาดแคลน นอกจากช่วยให้เด็กมีของเล่นแล้ว ชุมชนก็มีรายได้ด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำได้ตลอดโดยไม่ต้องมีเทศกาล”

ปิดท้ายกับความสุขแสนอร่อย จาก “ฟาร์มสุขไอศกรีม” ที่ขนไอศกรีมซึ่งผลิตโดยเด็กด้อยโอกาส (เด็กหญิงที่ถูกกระทำรุนแรง) มาจำหน่ายในราคาถ้วยละ 40 บาท โดยแบ่งรายได้ออกเป็น 3 ส่วน โดย ส่วนที่ 1 ให้เด็กเป็นค่าผลิต ส่วนที่ 2 นำไปซื้อวัตถุดิบเพื่อให้เด็กได้ผลิตไอศกรีมขาย ส่วนที่ 3 เก็บไว้ให้เด็กๆ ได้เรียนหนังสือ

ซึ่งนอกจากจำหน่ายไอศกรีม พวกเขายังมีกิจกรรมเอาใจคนรุ่นใหม่ อย่าง ผู้ร่วมงานที่แวะมาบูธจะได้ถ่ายรูปกับไอศกรีมฟาร์มสุข แล้วอัพขึ้นเฟสบุ๊คพร้อมติด hashtag (#) สวดมนต์ข้ามปีกับฟาร์มสุข เพื่อนำมารับส่วนลดไอศกรีมได้อีกด้วย

“บอม-ชัยฤทธิ์ อิ่มเจริญ” ผู้ก่อตั้งฟาร์มสุข ไอศกรีม ฝาก “ฟาร์มสุข” ให้เป็นตัวแทนของคำอวยพรปีใหม่

“ฟาร์มสุข จะเป็นตัวแทนของความเชื่อมั่นศรัทธาในตัวเอง เราทำงานเกี่ยวข้องกับการมองเห็นคุณค่าในตัวเอง จากที่ไม่เคยคิดว่าต้องทำอะไรให้ใคร ไม่เคยคิดถึงคนอื่น และไม่เคยคิดว่าตัวเราจะสามารถทำอะไรให้ใครได้ ก็ยังทำตรงนี้ขึ้นมาได้ นั่นเพราะเรามองเห็นคุณค่าในตัวเอง และสามารถทำให้เด็กๆ ได้เห็นคุณค่าในตัวเขาด้วย ฉะนั้นคุณเองก็เช่นกัน ผมอยากให้ใช้ช่วงเวลาปีใหม่นี้ เปลี่ยนแปลงตัวเองไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น เช่นเดียวกับ…ฟาร์มสุข”

เพื่อเดินทางก้าวข้ามปีเก่า ไปสู่ปีแห่งความสุข ในฐานะ “ผู้ให้” ไม่ใช่แค่ผู้รับ

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

Shares:
QR Code :
QR Code