สุขภาพกาย จิตดี ด้วยการหันมาวิ่งสมาธิ
เรื่องโดย : ปิยวรรณ นาทุ่งนุ้ย Team Content www.thaihealth.or.th
ข้อมูลจาก : รองศาสตราจารย์ ดร.วิชิต คนึงสุขเกษม , บทความเรื่อง มาวิ่งกันเถอะ โดย ศาสตราจารย์ ดร.สุชาติ โสมประยูร และสมาพันธ์ชมรมเดินวิ่งเพื่อสุขภาพไทย
ภาพประกอบจาก : แฟ้มภาพ
กระแสวิ่งออกกำลังกายในเมืองไทยถือเป็นที่นิยมกันแพร่หลายปัจจุบันประชาชนหันมาออกกำลังกายด้วยการวิ่งเพื่อสุขภาพดีมากขึ้น สำหรับการวิ่งมีหลายรูปแบบทั้งการ วิ่งมาราธอน วิ่งจ๊อกกิ้ง วิ่งระยะยาว วิ่งระยะสั้น เป็นต้น แต่การวิ่งอีกแบบที่ยังไม่รู้จักกันมากนัก แต่ยังช่วยให้สุขภาพกายและจิตใจดีไปพร้อมๆ กัน คือ 'การวิ่งสมาธิ'
อย่างกิจกรรมล่าสุดที่ผ่านมา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับสมาพันธ์ชมรมเดิน วิ่งเพื่อสุขภาพไทย และมูลนิธิสมาพันธ์ชมรมเดิน วิ่ง จัด“งานเดิน-วิ่งสมาธิ วิสาขะ พุทธบูชา ถือศีลห้า ลด ละ อบายมุข ปี 2559” ซึ่งเป็นการที่ให้ความสำคัญทางพระพุทธศาสนาและส่งเสริมกิจกรรมทางกาย เพื่อกายและจิตที่ดี โดยภายในงานมีกิจกรรมเดิน วิ่ง และนำการวิ่งสมาธิเข้ามาร่วมด้วย
รองศาสตราจารย์ ดร.วิชิต คนึงสุขเกษม ผู้ร่วมคิดค้นการเดินวิ่งสมาธิ กล่าวว่า เมื่อ 20 ปีก่อน ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.สุชาติ โสมประยูร ผู้คิดค้นการวิ่งสมาธิ ได้หันมาสนใจการออกกำลังกาย เนื่องจากอายุที่มากขึ้นทำให้เป็นโรคต่างๆ ได้ง่าย แต่ด้วยบริเวณบ้านของท่านไม่กว้างพอ จึงใช้พื้นที่เล็กน้อยของลานหน้าบ้านทำเป็นสนามรูปวงรี ระยะทาง 10 เมตร และวิ่งรอบวงรีนั้นในทุกๆ วัน แต่ทำให้น่าเบื่อ เลยคิดขึ้นว่าถ้าวิ่งเหยาะๆ และภาวนา“พุท-โธ” ไปด้วย จะเกิดผลอย่างไร ปรากฏว่า สามารถทำให้วิ่งได้เรื่อยๆ และนานขึ้นเป็นชั่วโมง จึงเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ทำให้เกิดการวิ่งสมาธิขึ้นมา จนต่อมาเป็นที่รู้จักกันในเหล่านักวิ่ง และเริ่มมีการวิ่งสมาธิเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะช่วงที่มีวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา อย่างวันวิสาขบูชาที่ผ่านมา
“ความหมายที่แท้จริงของการวิ่งสมาธิคือ การวิ่งเหยาะๆ และทำสมาธิ จิตกำหนดอยู่ที่ลมหายใจ หายใจเข้าออกอย่างช้าๆ แล้วภาวนา “พุท-โธ” โดยการหายใจเข้าพุทธ หายใจออกโธ เป็นไปตามจังหวะก้าวของการวิ่ง และเพิ่มระยะเวลาในการวิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างน้อยวันหนึ่งใช้เวลา 30 นาที และต้องสม่ำเสมอทุกวัน หรืออย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน เพื่อสุขภาพกายใจที่ดี” ผู้ร่วมคิดค้นการเดินวิ่งสมาธิ อธิบายให้ฟัง
ผู้ร่วมคิดค้นการเดินวิ่งสมาธิ อธิบายให้ฟังต่อว่า การวิ่งสมาธิเป็นการออกกำลังกายที่ดีทั้งกายและจิตใจ จนมีการนำไปทำเป็นงานวิจัย ของ รพ.จุฬาลงกรณ์ ผลที่ออกมา คือการออกกำลังกายแบบวิ่งสมาธิสามารถทำให้ร่างกายแข็งแรง และจิตใจสงบ เพราะการวิ่งสมาธิเป็นการนำออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้น และทำให้คลื่นสมองอยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยการทดลองวัดคลื่นสมอง ปรากฏว่าผลสุขภาพกายและจิตของผู้วิ่งอยู่ในระดับที่ดี
รองศาสตราจารย์ บอกอีกว่า การวิ่งสมาธิกับการวิ่งทั่วไปนับว่าไม่แตกต่างกันมากนัก เพียงแต่การวิ่งสมาธินั้นเป็นการออกกำลังทั้งกายและจิต ไม่ทำให้เบื่อหน่าย เพราะมีจิตกำหนดในการออกกำลังกายพร้อมๆ กัน และไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่กว้างเหมือนการวิ่งทั่วๆ ไป
การสร้างสุขภาพกายและจิตที่ดี ด้วยการวิ่งสมาธิ ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
1.สถานที่ ต้องเป็นพื้นที่ราบเรียบ มีขนาดกว้างยาวประมาณ 4 x 9 เมตร และมีบรรยากาศดี สวยงาม
2.เวลาที่เหมาะสม ควรวิ่งในช่วงเช้าตรู่หรือช่วงใกล้ค่ำ และวิ่งทุกวันหรือวันเว้นวันก็ได้ใช้ โดยใช้ระยะเวลา 30 นาที /ครั้ง
3.ก่อนวิ่ง ควรอบอุ่นร่างกายและใจ ด้วยการเดินเร็วหรือบริหารร่างกาย 2-3 นาที พร้อมกับทำอารมณ์ให้สดชื่นแจ่มใส
4.ในขณะที่วิ่ง ให้กำหนดลมหายใจเพื่อทำสมาธิ หายใจเข้า-ออก ให้ลึกและยาวพอสมควร พร้อมกับภาวนาในใจ “พุท-โธ” จะช่วยให้ระยะเวลาในการวิ่งนานขึ้น
5.ก่อนหยุดวิ่ง ค่อยๆ ลดความเร็วลงช้าๆ และยืดเหยียดร่างกาย เพื่อให้ร่างกายผ่อนคลาย
“การวิ่งสมาธินั้นได้ประโยชน์ทางกายเหมือนการวิ่งจ๊อกกิ้งทั่วๆ ไป แต่การวิ่งสมาธินั้นเป็นการเพิ่มการกำหนดลมหายใจ ด้วยการหายใจเข้าพุทธ หายใจออกโธ เพราะจะช่วยเสริมให้สภาพร่างกาย จิตใจ และทำให้คลื่นสมอง ทำงานดีขึ้น” รองศาสตราจารย์ ฝากทิ้งท้าย