สื่อสาธารณะสร้างสังคมคุณภาพ

เวทีกลางถกเถียงความคิด ป้อนข้อมูลที่ถูกต้องแท้จริงให้แก่ประชาชน

สื่อสาธารณะสร้างสังคมคุณภาพ 

          สื่อสาธารณะแบบบีบีซีมีประวัติที่ยาวนานและประสบความสำเร็จตามความมุ่งหมายและวัตถุประสงค์ของการก่อตั้ง ทุกวันนี้บีบีซีมิใช่เป็นแค่สถานีข่าว แต่เป็นสถาบันทางวัฒนธรรมเป็นแหล่งเพาะนักเขียนศิลปินรุ่นใหม่ เป็นห้องเรียนทางอากาศ เป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนเมื่อเกิดภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของสาธารณะ เป็นเวทีกลางของการถกเถียงความคิดที่หลากหลาย โดยป้อนข้อมูลที่ถูกต้องแท้จริงสมดุลให้แก่ประชาชน

 

          ต้นแบบของทีวีสาธารณะของบีบีซี มาจากแนวความคิดที่ว่า กิจการสื่อวิทยุและโทรทัศน์มีพลังสร้างสรรค์ที่จะทำให้โลกเราน่าอยู่มากขึ้น โดยการมีส่วนร่วมสนับสนุนทั้งทางตรงและทางอ้อมของสาธารณะชน จะทำให้สื่อวิทยุและโทรทัศน์นั้นต้องยึดถือผลประโยชน์ของสาธารณะเป็นธงนำ

 

          ทีวีสาธารณะจึงต่างจากสื่อที่เป็นของรัฐ (บาล) ที่มุ่งสนองนโยบายรัฐ(บาล) ทำให้ตกเป็นเครื่องมือนักการเมืองฉกฉวยใช้ประโยชน์ส่วนตน หรือสื่อเอกชนที่บางท่านเรียกว่า “สื่อเสรี” คือไม่อยู่ภายใต้อำนาจของนักการเมือง แต่ก็มีภาระหน้าที่ต้องหากำไรให้แก่เจ้าของกิจการหรือผู้ถือหุ้น(ซึ่งประวัติที่ผ่านมานักการเมืองก็เข้าไปถือหุ้น) สื่อเสรีแบบนี้บางครั้งก็หาประโยชน์จากผู้บริโภค ไม่ได้ปกป้องผลประโยชน์ของสาธารณะ โดยเฉพาะสื่อเอกชนขนาดใหญ่มีอิทธิพลมากๆ ก็ใช้อิทธิพลของตนกดดันนโยบายรัฐบาลให้ประโยชน์แก่ธุรกิจของตนเอง ยกตัวอย่างเช่นสื่อยักษ์ใหญ่ของนาย รูเปิร์ต เมอร์ด็อก เป็นต้น

 

          ** ทำอย่างไรหรือจึงจะเรียกว่าเป็นสื่อสาธารณะแบบบีบีซี???

 

          สื่อสาธารณะที่ดีจะต้องมุ่งรับใช้ผู้ชมโดยมองว่าเป็นสมาชิกของสังคมที่ควรได้รับบริการที่มีคุณภาพใน 3 หลักใหญ่ๆ คือ 1.ให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องแท้จริงและเป็นธรรม 2.ให้ความรู้การศึกษา และ 3.ให้สาระบันเทิงที่มีคุณภาพและมีรสนิยม (taste and decency)

 

          เป็นสิ่งที่น่ายินดีที่รัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ กำหนดเป็นนโยบายชัดเจนและพยายามผลักดันสื่อสาธารณะให้เกิดขึ้นก่อนก้าวลงจากอำนาจ องค์การสื่อสาธารณะที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ หากประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ ก็จะกลายเป็นมรดกในทางบวกที่เกิดขึ้นจากการยึดอำนาจด้วยการใช้กำลังเมื่อปลายปีที่แล้ว และมรดกชิ้นนี้จะกลายเป็นหัวจักรรถไฟที่นำพาสังคมไทยไปสู่ความไพบูลย์ สร้างสรรค์สังคมประชาธิปไตยรู้เท่าเทียมกัน (an informeddemocracy)

 

          เมื่อปลายปีที่แล้ว คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ได้เป็นแขกรับเชิญของ บีบีซี ที่ลอนดอน เข้ารับฟังการบรรยายสรุปจากเจ้าหน้าที่ระดับสูง เกี่ยวกับความเป็นมาและแนวทางปฏิบัติของบีบีซี แม้ในบางบริบทและวัฒนธรรมแบบอังกฤษอาจแตกต่างจากบริบทของประเทศไทย แต่หลักการใหญ่ๆ ของสื่อสาธารณะ ถ้าหากเข้าใจถ่องแท้ ก็ไม่ยากนักที่จะดัดแปลงตกแต่งเอาไปใช้ให้เป็นประโยชน์

 

          สำหรับหลักการที่สื่อสาธารณะต้องถือเป็นภาระหน้าที่สร้างสรรค์เป็นค่านิยมทางบวกให้เกิดขึ้นในสังคม ได้แก่

 

– ค่านิยมประชาธิปไตย สื่อสาธารณะจะต้องสนับสนุนพัฒนาสังคมให้เป็นประชาธิปไตย ให้บริการข่าวสารที่เที่ยงตรง ลุ่มลึก รอบด้าน สมดุล และโต้เถียงอย่างมีวุฒิภาวะในความคิดที่แตกต่าง เพื่อให้ประชาชนมีข้อมูลเพียงพอในการประเมินและตัดสินใจอย่างสมเหตุสมผล

 

– ค่านิยมทางวัฒนธรรมและพลังสร้างสรรค์ สื่อสาธารณะจะต้องเสริมสร้างและกระตุ้นให้ประชาชนรักษามรดกทางวัฒนธรรมของประเทศ สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ยกระดับความรู้สึกที่ดี (uplifting) ให้กับผู้ชมผู้ฟัง กล้าเสี่ยงที่จะสร้างสรรค์รายการที่แหวกแนวคิดใหม่ (ground breaking) เป็นแหล่งเพาะเลี้ยงศิลปินรุ่นใหม่ๆทดแทนรุ่นเก่าที่ถดถอยไป เก็บรักษามรดกทางวัฒนธรรมของชาติให้คนรุ่นหลังได้มีโอกาสชื่นชม และภาคภูมิใจ

 

– ค่านิยมทางปัญญาและการศึกษา สื่อสาธารณะจะต้องสนับสนุนให้บริการด้านการศึกษาทั้งในระบบ (ตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการทุกระดับอายุ) และนอกระบบสำหรับผู้พ้นวัยเรียน หรือผู้ด้อยโอกาส หรือผู้พิการ สื่อสาธารณะจะต้องเสริมสร้างสังคมที่ตื่นตัวในการเรียนรู้ และเปิดโอกาสฝึกฝนให้ผู้ที่ต้องการสร้างทักษะให้แก่ตนเอง เพื่อความก้าวหน้าในชีวิตการงาน

 

– ค่านิยมทางสังคมรอบตัวและชุมชน สื่อสาธารณะจะต้องสร้างความเข้าใจในกลุ่มคนต่างๆ ของสังคมที่อาจมีทั้งจุดร่วมและความแตกต่างหลากหลาย โดยใช้พื้นฐานความเข้าใจ ความอดกลั้น ผูกโยงความคิดที่แตกต่างให้หันหน้าเข้าหากันเพื่อสร้างความกลมเกลียว สื่อสาธารณะจะต้องเสริมสร้างสปิริตชุมชนให้ตระหนักถึงภาวะแวดล้อมและภัยที่อาจจะสร้างความเสียหายต่อชุมชนรอบตัว

 

          การที่จะสร้างค่านิยมเหล่านี้ให้สำเร็จในองค์กรสื่อสาธารณะ ต้องมีความเข้มแข็ง มีระบบการบริหารที่เป็นเอกภาพ และเป็นอิสระปลอดจากอิทธิพลทางการเมือง และธุรกิจ มีแหล่งเงินทุนจากสาธารณะ ทำให้เกิดความสำนึกที่จะรักษาผลประโยชน์ของสาธารณะ มีการกำหนดกรอบจรรยาบรรณของตนเอง มีทีมงานที่มีฝีมือและจินตนาการสูงและชื่อตรงต่อวิชาชีพ

 

          การออกกฎหมายตราพระราชบัญญัติก่อตั้งแม้จะตั้งเป้าหมายไว้สูงส่งอย่างไร แต่หากผู้บริหารและทีมงานไม่มีจิตวิญญาณรับใช้สาธารณะ ภาระกิจการสร้างสังคมคุณภาพก็จะล้มเหลว!!!

 

 

 

 

 

 

เรื่องโดย : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส.

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

 

 

Update:28-07-51

Shares:
QR Code :
QR Code