สาเหตุของการปวดหัว
ที่มา : หมอชาวบ้าน
แฟ้มภาพ
'ปวดหัว' เป็นโรคที่พบบ่อยที่สุดและเป็นปัญหาสุขภาพที่ทุกคนเคยประสบมาไม่มากก็น้อย บางคนโชคดี ปวดหัวบ้างนานๆ ครั้ง แต่ในบางคนอาจเป็นโรคปวดหัวเป็นประจำ และจะยิ่งแย่ลงไปอีก ถ้าเป็นโรคปวดหัวชนิดรุนแรงจนรบกวนการทำงานและการใช้ชีวิตตามปกติสุข เพราะในบางคนอาจปวดหัวจนนอนไม่หลับ หรือไม่สามารถทำงานตามปกติได้
สาเหตุของโรคปวดหัวมีหลายชนิด แต่ที่พบได้บ่อยๆ และเป็นกันมาก คือ
- ปวดหัวที่เกิดจากความเครียด พบได้บ่อยที่สุด โดยเฉพาะเมื่อมีปัญหาที่แก้ไม่ตก ต้องครุ่นคิด หรือตรากตรำทำงานใช้สมองติดต่อกันนานๆ ปวดหัวชนิดนี้มักมีอาการปวดบริเวณขมับ พร้อมกับมึนๆ งงๆ เวียนศีรษะ นอนไม่ค่อยหลับ หงุดหงิด โมโหง่าย เหนื่อย ใจสั่น
- ปวดหัวจากไมเกรน เป็นการปวดหัวจากการผิดปกติของหลอดเลือด มีอาการปวดที่บริเวณขมับ ปวดตุ๊บๆ ในบางรายอาจมีอาการตาลายร่วมด้วย
- ปวดหัวจากความดันเลือดสูง พบได้บ่อยเช่นกัน โดยเฉพาะในวัยกลางคนถึงวัยสูงอายุ ซึ่งมักปวดบริเวณท้ายทอย โดยเฉพาะตอนเช้าๆ หลังตื่นนอน ในรายเช่นนี้ควรไปรับการตรวจระดับความดันเลือดร่วมด้วย
- ปวดหัวจากโรคไซนัสอักเสบ เป็นอีกโรคหนึ่งที่เป็นสาเหตุของการปวดหัว แต่การปวดหัวจากไซนัสอักเสบจะแตกต่างจากปวดหัวอื่นๆ เพราะจะมีอาการผิดปกติทางจมูกร่วมด้วย เช่น โพรงจมูกอักเสบเรื้อรัง มีน้ำมูกบ่อยๆ น้ำมูกสีเขียว คัดจมูก เป็นไข้ เป็นต้น ส่วนใหญ่บริเวณที่ปวดขึ้นอยู่กับตำแหน่งของไซนัสที่เกิดการอักเสบ
- ปวดหัวจากความผิดปกติของสายตา ในบางครั้งในคนสายตาสั้น สายตายาว หรือความผิดปกติอื่นๆ ของสายตา ก็เป็นสาเหตุให้เกิดอาการปวดหัวได้
นอกจากนี้ โรคปวดหัวอาจเกิดจากโรคอื่นๆได้อีกมาก เนื่องจากปวดหัวมีสาเหตุและมีระดับความรุนแรงแตกต่างกัน การดูแลรักษาจึงขึ้นอยู่ว่ามีอาการหรือยัง ถ้ายังไม่มีอาการปวดหัวก็ควรป้องกันด้วยการกำจัดหรือหลีกเลี่ยงสาเหตุไม่ให้เกิดอาการปวดหัว เช่น พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการใช้สมองและเคร่งเครียดเกินไป การรักษาระดับความดันเลือดให้อยู่ในระดับปกติ การใส่แว่นสายตาในรายที่สายตาสั้น เป็นต้น แต่ถ้ามีอาการปวดหัวแล้วก็ควรบรรเทาอาการ รักษาให้ทุเลาหรือหายจากปวดหัวด้วยการใช้ยา โดยเฉพาะเมื่อเริ่มต้นปวดหัวเล็กๆ น้อยๆ ก็อาจหายามารักษาด้วยตนเองได้ แต่ถ้าใช้ยาแล้วไม่ดีขึ้นหรืออาการรุนแรงมากหรือมีอาการแปลกๆ เช่น มีแสงแวบๆ ในตา เห็นสีรุ้ง เป็นต้น ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อให้การรักษาต่อไป