สานพลัง สร้างนวัตกรรม สู่อนาคต รับมือความเปลี่ยนแปลงสังคมโลก ทศวรรษที่สาม กับ สสส.

เรื่องโดย : พงศ์ศุลี จีระวัฒนรักษ์ Team Content  www.thaihealth.or.th

ข้อมูลจาก : พิธีปิดงาน เวที “สานพลัง สร้างนวัตกรรม สู่สุขภาวะชุมชนที่ยั่งยืน” ปี 2566 วาระ : พลังชุมชนท้องถิ่น ตอบโจทย์ประเทศ ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี

ภาพโดย ฐิติชญา สัมปุรณะพันธุ์ Team Content www.thaihealth.or.th และแฟ้มภาพ

                    ปิดท้ายอย่างน่าประทับใจวันสุดท้าย 9 กรกฎาคม 2566 กับ เวที “สานพลัง สร้างนวัตกรรม สู่สุขภาวะชุมชนที่ยั่งยืน” ปี 2566 ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ ภาคีเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ ทั่วประเทศ ที่มีจำนวนถึง 3,526 ตำบล ได้เป็นตัวแทนเดินทางเข้ามาร่วมสานพลัง  แบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ต่อยอดการสร้างรากฐานชุมชนที่แข็งแรงกว่าเดิม ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่าง วันที่ 7 -9 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา

                    นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีกับการได้รับรู้ผลงาน ที่ทาง สสส. ได้ร่วมพัฒนาแนวทางการทำงานสร้างเสริมสุขภาพในบริบทสังคมไทยกับภาคีเครือข่ายมากกว่า 20,000 ภาคี ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมให้เกิดขึ้นต่อระบบสุขภาพไทยมากมาย

ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุน สสส.

                    “สสส. มีวิสัยทัศน์ที่ต้องการให้ทุกคนบนแผ่นดินไทย มีวิถีชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม ที่สนับสนุนต่อการมีสุขภาวะที่ดี โดยมีพันธกิจในการจุดประกาย กระตุ้น สาน และเสริมพลัง บุคคล ชุมชน และองค์กรทุกภาคส่วนให้มีขีดความสามารถ และสร้างสรรค์ระบบสังคม ที่สนับสนุนต่อการมีสุขภาวะที่ดี ซึ่งจะทำต่อไป” เป็นคำกล่าว  ของ ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุน สสส.

ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุน สสส.

                     จากนั้นได้กล่าวถึง แผนสุขภาวะชุมชน สนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถของชุมชนในการสร้างเสริมสุขภาพ โดยเชื่อว่าความเข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่นเป็นทุนทางสังคม และศักยภาพให้กับทุกคน ทุกครอบครัว ทุกชุมชน ทุกตำบล เป็นฐานการพัฒนาที่สำคัญ คือ การสานพลัง ทั้ง 4 สาน 1. พลังพื้นที่ 3,526 ตำบล 2. พลังผู้นำ 397,771 คน 3. พลังนวัตกรรมทั้งเชิงระบบ กระบวนการ เทคนิค 4. องค์กรเป็นโครงข่าย ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันวิชาการ องค์กรร่วมพัฒนาเอกชน

ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุน สสส.

                    การสร้างนวัตกรรม ด้วยการขับเคลื่อนเป้าหมายหลัก 7+1 ประเด็น  ยาสูบ แอลกอฮอล์ และสิ่งเสพติด อาหาร กิจกรรมทางกาย ความปลอดภัยทางถนน สุขภาพจิต มลพิษจากสิ่งแวดล้อม และปัจจัยเสี่ยงอื่น รวมถึง การสร้างสังคมสุขภาวะ นำไปสู่การสร้างสังคมสุขภาวะที่สอดประสานกับปัจจัยทางสังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมทั่วประเทศ

เวที สานพลัง สร้างนวัตกรรม สู่สุขภาวะชุมชนที่ยั่งยืน ปี 2566

                    พร้อมชวนเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่น ร่วมเดินทางสู่ทศวรรษที่สามของ สสส. ที่ต้องเผชิญความท้าทายใหม่ ๆ ที่มีทั้งการสร้างรูปแบบชุมชนเข้มแข็งที่รองรับชุมชนที่หลากหลายกว่าเดิม ทั้งความหลากหลายเชิงภูมิศาสตร์ระดับต่าง ๆ จากฐานหลักที่ตำบลในปัจจุบันสู่หมู่บ้าน อำเภอ จังหวัด มหานคร โดยมี ผู้นำการเปลี่ยนแปลงและ กลไกสนับสนุนปรับตามสังคมที่เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตใหม่ ปัญหาสุขภาวะใหม่

                    รวมถึงการดึงคนรุ่นใหม่ร่วมเป็นแกนนำ ปรับตามเทคโนโลยี ดิจิตอล และท้ายสุด คือ การพิสูจน์ถึงผลลัพธ์ทางสุขภาพจากชุมชนที่เข้มแข็งที่วัดได้จากระบบฐานข้อมูลที่วางไว้  ดร.สุปรีดา กล่าวย้ำ

นายสมพร ใช้บางยาง ประธานเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่

                    ไฮไลท์ปิดท้ายด้วยปาฐกถาพิเศษ จิตวิญญาณชุมชนท้องถิ่น สร้างการเปลี่ยนแปลง สู่สังคมแห่งความสุข โดย นายสมพร ใช้บางยาง ประธานเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ ได้กล่าวตอกย้ำถึงความสำคัญเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่  ก่อนปิดงานพร้อมทั้งประกาศเจตนารมณ์ในการสานพลังว่า ถึง เป้าหมายในอนาคตว่า…

                    … เครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ และภาคีเครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพ ตลอดผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อสานพลัง สร้างนวัตกรรม สู่สุขภาวะที่ยั่งยืน ขอร่วมกับภาคียุทธศาสตร์ สานต่ออุดมการณ์ในการเสริมสร้างความเข้มแข็ง มั่นคง และยั่งยืนให้กับชุมชนท้องถิ่น ที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2552 โดยบูรณาการทำงานทั้งภายในองค์กร และเครือข่ายฯ ด้วยความเชื่อมั่นว่าเครือข่ายชุมชนท้องถิ่น จะสามารถเป็นฐานของประเทศ ที่มีความเข้มแข็งพอสำหรับการค้ำจุนประเทศชาติให้มั่นคง”

นายสมพร ใช้บางยาง ประธานเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่

                    กล่าวเสริมอีกว่า… ฐานของความเข้มแข็ง ขึ้นอยู่กับ 4 ปัจจัย คือ ท้องถิ่น ท้องที่ ประชาชน และภาครัฐ ซึ่งต้องก้าวไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อประโยชน์ของชุมชน มีการเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา และต้องอยู่ได้กับทุกการเปลี่ยนแปลง และที่สำคัญที่สุด คือ คนจะต้องมีปัญญาและคุณธรรม ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดของความสำเร็จ และจะเป็นส่วนสำคัญในการแก้ไขปัญหา และพัฒนาบ้านเมืองต่อไป                  

เวที “สานพลัง สร้างนวัตกรรม สู่สุขภาวะชุมชนที่ยั่งยืน” ปี 2566

                    จากนั้นเป็นภาพที่งดงาม เมื่อเครือข่ายในที่ประชุมได้ร่วมประกาศเจตนารมณ์ สนับสนุน และสานกันเป็นพลังของชุมชนท้องถิ่น เข้าสู่วาระการพัฒนาในทุกระดับเพื่อตอบโจทย์ประเทศร่วมกันขับเคลื่อนครอบคลุม 8 ประเด็นในการสานพลังร่วมสร้างสุขภาวะชุมชนที่ยั่งยืน 26 เป้าหมาย

                    “1 . ร่วมสร้างสังคมสุขภาวะที่เท่าเทียม 2. ร่วมสร้างเศรษฐกิจชุมชนวิถีใหม่ สนับสนุนการรวมกลุ่ม กลุ่มอาชีพ 3. การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ สร้างข้อตกลงของชุมชนท้องถิ่นในการตั้งรับปรับตัว จัดทำแผนรับมือจัดการภัยพิบัติ 4. วิวัฒน์ระบบสุขภาพ กระจายอำนาจสู่ชุมชน 5. ร่วมสร้างคุณภาพสังคมสูงวัย 6. ร่วมสร้างระบบอาหารชุมชน เพื่อความมั่นคงทางอาหาร 7. ร่วมสร้างสังคมเกื้อกูลเพื่อดูแลกลุ่มจิตเวชและกลุ่มเปราะบาง 8. ร่วมสร้างสุขภาวะเขตเมือง เข้าสู่วาระการพัฒนาในทุกระดับเพื่อตอบโจทย์ประเทศ”

ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุน สสส.

                    ภายในงานมีการมอบประกาศเกียรติบัตรให้แก่ “ศูนย์เรียนรู้การสร้างเสริมสุขภาพ” จำนวน 93 แห่ง รวม 190 เรื่อง แบ่งออกเป็น 10 ด้านตามทิศทางและเป้าหมาย 10 ปี (พ.ศ.2565-2575) ของ สสส.

เวที “สานพลัง สร้างนวัตกรรม สู่สุขภาวะชุมชนที่ยั่งยืน” ปี 2566

                    ซึ่ง “ศูนย์เรียนรู้การสร้างเสริมสุขภาพ” สสส. ทำหน้าที่ถ่ายทอดองค์ความรู้ เป็นกลไกขับเคลื่อนขบวนการสร้างเสริมสุขภาพเฉพาะประเด็น เชื่อมโยงภาคีเครือข่าย มีรูปธรรมการดำเนินงาน ที่สอดคล้องกับทิศทางและเป้าหมายของ สสส. และเป็นพื้นที่ที่สามารถสร้างการเรียนรู้ให้แก่พื้นที่อื่นหรือหน่วยงานต่างๆ ได้

 

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code