สานพลัง พลิกโฉมระบบอาหารที่ยั่งยืน พัฒนานวัตกรรมระบบอาหารชุมชนตลอดห่วงโซ่ ภายใต้แผนของ UN “อิ่มและดี 2030” 5 ด้าน สู่ผลลัพธ์ทางสุขภาพก้าวกระโดด เตรียมเสนอต่อที่ประชุมระดับโลก ณ กรุงโรม 24-26 ก.ค. นี้
ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข
ภาพประกอบจาก สสส.
กษ.-สสส.-ภาคีอาหารเพื่อสุขภาวะ 40 หน่วยงาน สานพลัง พลิกโฉมระบบอาหารที่ยั่งยืน พัฒนานวัตกรรมระบบอาหารชุมชนตลอดห่วงโซ่ ภายใต้แผนของ UN “อิ่มและดี 2030” 5 ด้าน สู่ผลลัพธ์ทางสุขภาพก้าวกระโดด เตรียมเสนอต่อที่ประชุมระดับโลก ณ กรุงโรม 24-26 ก.ค. นี้
เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2566 ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรุงเทพฯ นายเศรษฐเกียรติ กระจ่างวงษ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ในการประชุมสุดยอดผู้นำระบบอาหารโลกปี 2564 (UNFSS 2021) องค์การสหประชาชาติ (UN) สนับสนุนประเทศสมาชิกขับเคลื่อนการปรับเปลี่ยนระบบอาหาร ทั้งวิธีการผลิต การกระจาย และการบริโภค เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “อิ่มและดี 2030” กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะหน่วยประสานงานหลัก ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีเครือข่าย 40 หน่วยงาน สานพลังความร่วมมือจัดกิจกรรม Press interview เพื่อสื่อสาร Food and Agriculture Systems Stocktaking “เส้นทางสู่การพลิกโฉมระบบอาหารที่ยั่งยืนของประเทศไทย” เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้และแสดงเจตจำนงที่จะพลิกโฉมระบบเกษตรและอาหารที่ยั่งยืน
“เส้นทางสู่การพัฒนาระบบอาหารที่ยั่งยืน “อิ่มและดี 2030” 5 ด้าน 1. “อิ่ม ดี ถ้วนหน้า” เข้าถึงอาหารปลอดภัยและมีคุณค่าทางโภชนาการ 2. “อิ่ม ดี มีสุข” ปรับเปลี่ยนวิถีการบริโภคเพื่อความยั่งยืน 3. “อิ่ม ดี รักษ์โลก” ส่งเสริมระบบการผลิตที่เพียงพอและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 4. “อิ่ม ดี ทั่วถึง” ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่เสมอภาค เท่าเทียม 5. “อิ่ม ดี ทุกเมื่อ” สร้างระบบที่มีความยืดหยุ่นปรับตัวได้ในทุกวิกฤต การจัดกิจกรรมครั้งนี้ เป็นการทบทวนความก้าวหน้า แชร์ประสบการณ์ เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดการประชุม Food and agriculture stocktaking moment ระดับรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 24–26 ก.ค. 2566 ณ องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agricultural Organization : FAO) กรุงโรม อิตาลี และการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Summit) ก.ย. 2566 ต่อไป” นายเศรษฐเกียรติ กล่าว
ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า สสส. มีพันธกิจในการส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพทุกกลุ่มวัย โดยเฉพาะการสนับสนุนการพลิกโฉมระบบอาหารที่ยั่งยืนให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ภายในปี 2573 สสส. เร่งสานพลังภาคีเครือข่าย ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เพื่อส่งเสริมการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาวะตลอดห่วงโซ่ ภายใต้วัตถุประสงค์หลัก 3 ข้อ 1. ส่งเสริมให้เกิดความรอบรู้และบูรณาการความร่วมมือหนุนเสริมการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาวะด้วยระบบอาหารที่ยั่งยืน ทั้งในภาวะปกติและภาวะวิกฤต 2. ส่งเสริมระบบตลาดอาหารปลอดภัยในชุมชน สร้างความมั่นคงทางอาหารในระดับครัวเรือน/ชุมชน 3. ขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะ สื่อสารรณรงค์สังคมขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพ
“โมเดลต้นแบบระบบอาหารชุมชนได้เน้นความสำคัญใน “การสร้างผลลัพธ์ทางสุขภาพอย่างก้าวกระโดด” ด้วยการขยายผลต้นแบบงานสร้างเสริมสุขภาพ 3 ระดับ ตั้งแต่ระดับต้นน้ำ พัฒนาต้นแบบแหล่งผลิตอาหารปลอดภัย/อินทรีย์ พัฒนาผลผลิต/ผลิตภัณฑ์ให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค กระตุ้นเศรษฐกิจอาหารชุมชน ระดับกลางน้ำ ส่งเสริมระบบการขนส่ง/เชื่อมโยงผลผลิต และพัฒนารูปแบบการประกอบการให้เหมาะสมกับบริบทชุมชน วัฒนธรรม สร้างรายได้ชุมชน (ตลาดเขียว/ตลาดชุมชน/ตลาดเชิงสถาบัน) และ ระดับปลายน้ำ สื่อสารความรอบรู้การบริโภคอาหารเพื่อสุขภาวะ พัฒนาทักษะและสร้างจิตสำนึกสู่วิถีการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาวะ ลดหวาน มัน เค็ม ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาวะลดเสี่ยงโรคไม่ติดต่อ ส่งผลสู่การผลักดันนโยบายสาธารณะ สร้างกระบวนการเรียนรู้และการสื่อสารที่มีประสิทธิผลและยั่งยืนในระดับพื้นที่ ระดับชาติ และระดับสากล” ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าว
น.ส.นวรัตน์ เฉลิมเผ่า ผู้ช่วยผู้แทน FAO ประจำประเทศไทย กล่าวว่า สถานการณ์ตัวเลขคนอดอยากทั่วโลกหลังเผชิญโควิด-19 อยู่ที่ 820 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากในปี 2562 ถึง 132 ล้านคน มีประชากรโลกกว่า 3 พันล้านคน ไม่สามารถเข้าถึงอาหารที่ดีต่อสุขภาพได้ และกว่า 2 พันล้านคน ประสบปัญหาโภชนาการจากการบริโภค เช่น บริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสม น้ำหนักเกิน เป็นโรคอ้วน กระทบต่อสุขภาพที่ส่งผลต่อรายจ่ายด้านสาธารณสุขของประเทศ FAO สนับสนุนประเทศไทยในการส่งเสริมระบบอาหารทางการเกษตรที่มีประสิทธิภาพโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง สอดคล้องเป้าหมายหลักของกรอบยุทธศาสตร์ใหม่ ที่มุ่งเน้นพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียนและระบบอาหารสีเขียว โดยเฉพาะการลดการสูญเสียอาหารและของเสีย เสริมสร้างการจัดการดิน น้ำ ป่าไม้ และระบบนิเวศทางทะเลอย่างยั่งยืน ผ่านการเกษตรที่เป็นมิตรต่อความหลากหลายทางชีวภาพและการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ (DRR) นำไปสู่การผลักดันนโยบายแก้ปัญหาการเกษตรระยะยาว