สานต่อพระราชปณิธาน พัฒนาเรื่องยา

ที่มา : เว็บไซต์เดลินิวส์


สานต่อพระราชปณิธาน พัฒนาเรื่องยา thaihealth


องค์การเภสัชกรรม เดินหน้าสานต่อพระราชปณิธาน  ทำให้ราคายาถูกลง เพื่อให้ประชาชนคนไทยเข้าถึงยาได้มากขึ้น


นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม เปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงห่วงใยความเป็นอยู่ และสุขภาพของประชาชนอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องการขาดแคลนยา ทั้งนี้เคยมีพระราชดำริชัดเจนในเรื่องของการพัฒนายา และการผลิตวัคซีน เพื่อจะประเทศไทยสามารถพึ่งพาตนเองได้ ดังนั้น องค์การเภสัชกรรมจะเดินหน้าสานต่อพระราชปณิธานของพระองค์อย่างเต็มที่ โดยการทำให้ราคายาถูกลงเพื่อให้ประชาชนคนไทยเข้าถึงยาได้มากขึ้น รวมทั้งการพัฒนายาใหม่ๆ โดยเฉพาะการจัดหายากำพร้า หรือยาที่มีผู้ใช้น้อย และไม่มีผู้ผลิตนำเข้าน้อยมาไว้ใช้ภายในประเทศ ทั้งนี้ ปัจจุบัน ประเทศไทยใช้ยารักษาโรครวมมูลค่ากว่า 1.5 แสนล้านบาท โดยร้อยละ 60 เป็นยานำเข้าจากต่างประเทศ อีกร้อยละ 40 เป็นยาที่ผลิตในประเทศ


ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวต่อว่า ขณะนี้องค์การเภสัชกรรมได้เร่งพัฒนาการก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีนที่ ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ซึ่งตามแผนได้กำหนดแล้วเสร็จในปี 2561 เฉพาะในส่วนของโรงงานและพัฒนาระบบการผลิต ที่มีกำลังการผลิตตั้งแต่ 200,000-1 ล้านโดส อย่างไรก็ตาม ตัววัคซีนจริงๆ นั้นตามแผนการจะต้องสามารถผลิตและออกสู่ท้องตลาดภายในปี 2563 นี้ โดยวัคซีนที่จะมีการผลิตในโรงงานแห่งนี้จะเน้นที่วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ผลิตปีแรกประมาณ 800,000 โดส รองรับความต้องการใช้ในประเทศอย่างเพียงพอ


ซึ่งที่ผ่านมามีการความต้องการใช้ในกรณีที่ไม่มีการระบาดอยู่ที่ประมาณ 3.5 ล้านโดส นอกจากนี้ยังมีการผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดนกชนิดพ่นในจมูก โดยในส่วนนี้ที่จริงมีกำลังการผลิตในแล็บสเกลอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังได้ร่วมมือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ศูนย์พิษวิทยา โรงพยาบาลรามาธิบดี ในการจัดหาและจัดส่งยารักษาโรคจากพิษต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมียาต้านพิษมีประมาณ 17 รายการ อาทิ ต้านพิษไซยาไนด์ พิษจากสารเคมี พิษจากธรรมชาติ พิษจากอาหารและยา และพิษงู เป็นต้น


ซึ่งแต่ละปีมีการสำรองไว้มูลค่ากว่า 70 ล้านบาท ทั้งนี้ ผู้จากการได้รับพิษต่างๆ ควรได้รับยาต้านให้เร็วที่สุด ภายใน 5 นาที-1 ชั่วโมง เพื่อเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิต ซึ่งหลังจากมีการสำรองยาและวางเครือข่ายจ่ายยาต้านพิษมาประมาณ 5 ปี สามารถลดอัตราการเสียชีวิตจากร้อยละ 52 เหลือ เพียงร้อยละ 28 โดยมีผู้ป่วยสามารถเข้าถึงยาได้มากถึง 17,000 คน ปัจจุบันกระจายช่วยเหลือครอบคลุมผู้ป่วยในทุกสิทธิ


“สิ่งที่องค์การเภสัชกรรมทำติดต่อกันมานานแล้ว ได้แก่ การถวายยาให้แก่กองแพทย์หลวง เพื่อพระองค์ท่านพระราชทานต่อให้หน่วยแพทย์ไปใช้ดูแลพี่น้องประชาชน เราถวายตั้งแต่ปี 2554 เป็นประจำทุกปี ปีละ 250,000 บาท และเรายังถวายยาให้แก่มูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.)เพื่อสนับสนุนมูลนิธิ พอ.สว.ในการที่จะออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ปีละ 350,000 บาทเป็นประจำทุกปี และตอนนี้ก็ยังมีแผนที่จะเข้าไปช่วยเหลือสนับสนุนโครงการสถานีอนามัยของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เพื่อจะดูแลประชาชนในพื้นที่ทุรกันดาร” นพ.นพพร กล่าว และว่า ขณะนี้ทาง องค์การเภสัชกรรมได้นำยาไปร่วมกับหน่วยแพทย์ต่างๆ เพื่อให้บริการประชาชนบริเวณท้องสนามหลวงอย่างเต็มที่อยู่แล้ว


 

Shares:
QR Code :
QR Code