สัมมนาบอยคอทบริษัทบุหรี่ 27-28 ก.พ. 52 สวนสามพราน นครปฐม

 

สัมมนาบอยคอทบริษัทบุหรี่ 27-28 ก.พ. 52 สวนสามพราน นครปฐม

             น.ส.บังอร ฤทธิภักดี ผู้อำนวยการ เครือข่ายนักรณรงค์เพื่อการควบคุมการบริโภคยาสูบแห่งเอเชียอาคเนย์ (seatca) เปิดเผยการประชุมสัมมนา การป้องกันการแทรกแซงนโยบายควบคุมยาสูบโดยบริษัทบุหรี่ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 27-28 กุมภาพันธ์ 2552 ณ สวนสามพราน นครปฐม โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจาก 10 ประเทศอาเซียน ญี่ปุ่น มองโกเลีย และพาเลา รวม 80 คน รวมถึงรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์ นายอเล็ก พาดิลา และวุฒิสมาชิกนายคาเลป ออตโต จากประเทศพาเลา ดร.แมรี่ อซันตา จากออสเตรเลีย นพ.หทัย ชิตานนท์ และ ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เพื่อร่วมกันระดมสมองถึงการดำเนินการตามมาตรา 5.3 อนุสัญญาควบคุมการบริโภคยาสูบองค์การอามัยโลก ซึ่งผ่านการเห็นชอบในที่ประชุมใหญ่ภาคีสมาชิกประเทศ ณ เมือง เดอร์บัน ประเทศอัฟริกาใต้ ระหว่างวันที่ 17 – 22 พฤศจิกายน ปีที่แล้ว ซึ่งมาตรา 5.3 จัดได้ว่าเป็นมาตราที่สำคัญที่สุดของอนุสัญญา เนื่องจากการแทรกแซงของบริษัทบุหรี่เป็นอุปสรรคที่สำคัญที่สุดต่อการที่ประเทศต่าง ๆ จะบรรลุเป้าหมายการลดการสูบบุหรี่ภายใต้อนุสัญญาควบคุมยาสูบ ซึ่งที่มาของการกำหนดให้มี มาตรา 5.3 สืบเนื่องจากองค์การอนามัยโลกได้มีการศึกษาพบว่า บริษัทบุหรี่ได้มีความพยายามอย่างต่อเนื่องในการบ่อนทำลาย ขัดขวางการควบคุมยาสูบ ทั้งกระทำอย่างเปิดเผยและซ่อนเร้น ซึ่งกลยุทธที่ใช้ประกอบด้วย

 

 – ให้ทรัพย์สิน สิ่งของ หรือสินบนแก่ข้าราชการ

 – วิ่งเต้นกับเจ้าหน้าที่รัฐโดยตรง โดยทางอ้อมผ่านตัวแทนหรือองค์กรบังหน้าและสื่อ

 – หาทางเข้ามีส่วนร่วมในองค์กรที่มีส่วนกำหนดนโยบายเพื่อขัดขวางมาตรการควบคุมยาสูบ

 – สร้างความสัมพันธ์กับหน่วยงานราชการ เพื่อเข้าถึงข้าราชการผู้กำหนดนโยบายและสร้างความชอบธรรมในการที่จะมีส่วนร่วม 

– เสนอข้อตกลงกับหน่วยงานราชการเพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการที่จะไม่ให้มีการออกกฎหมาย

– สร้างความสับสนกับงานวิจัย เพื่อบ่อนทำลายข้อมูลอันตรายของยาสูบต่อสุขภาพเพื่อประโยชน์ใน

 

การคัดค้านการออกกฎหมาย

 

             มาตรา 5.3 ของอนุสัญญาควบคุมยาสูบ องค์การอนามัยโลกจึงกำหนดว่า ภาคีสมาชิกประเทศต้องสร้างเกราะป้องกันไม่ให้บริษัทบุหรี่เข้ามามีส่วนหรือมีอิทธิพลต่อการกำหนดนโยบายควบคุมยาสูบของประเทศ ซึ่งครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ เพื่อให้ภาคีสมาชิกประเทศนำไปดำเนินการ ประกอบด้วย

 

 1. ประชาสัมพันธ์ให้ทุกฝ่ายในสังคมทราบอย่างทั่วถึงถึงความพยายามของบริษัทบุหรี่ในการขัดขวางนโยบายควบคุมยาสูบ

2. เจ้าหน้าที่รัฐต้องไม่มีการติดต่อกับบริษัทบุหรี่ ยกเว้นเพื่อประโยชน์ในการบังคับใช้กฎหมายควบคุมยาสูบเท่านั้น การพบปะต้องโปร่งใสและมีรายงานบันทึกเป็นหลักฐานที่สาธารณะจะตรวจสอบได้

3. หน่วยงานรัฐไม่ร่วมกิจกรรมใด ๆ กับบริษัทบุหรี่ไม่ว่าจะเป็นโครงการที่เกี่ยวกับเยาวชนการศึกษา

4. เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องไม่รับของขวัญ การบริการ หรือความช่วยเหลือใด ๆ จากบริษัทบุหรี่

5. ควรห้ามหน่วยงานของรัฐทุกแขนงรับความช่วยเหลือไม่ว่าในรูปแบบใด ๆ จากบริษัทบุหรี่

6. ห้ามบริษัทบุหรี่บริจาคสนับสนุนพรรคการเมือง นักการเมือง หรือสนับสนุนกิจกรรมรณรงค์หาเสียง

7. ห้ามสนับสนุนและหรือร่วมกิจกรรมในโครงการที่เรียกว่า เพื่อสังคมของบริษัทบุหรี่

8. ห้ามประชาสัมพันธ์ โฆษณาโครงการช่วยเหลือ บริจาคให้แก่สังคมโดยบริษัทบุหรี่

9. ไม่ให้สิทธิพิเศษใด ๆ แก่บริษัทบุหรี่

10. ปฏิบัติต่อบริษัทบุหรี่ที่เป็นของรัฐ เช่นเดียวกับบริษัทบุหรี่อื่น ๆ

 

             ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า ในส่วนของประเทศไทย แม้ว่าที่ผ่านมาจะยึดหลักการที่ไม่ให้โรงงานยาสูบ หรือบริษัทบุหรี่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกำหนดนโยบายควบคุมยาสูบ อันเป็นเหตุให้งานควบคุมยาสูบของประเทศไทยประสบความคืบหน้าในระดับหนึ่ง แต่มีสิ่งที่รัฐบาลไทยจะต้องดำเนินการอีกไม่น้อยภายใต้ข้อตกลงมาตรา 5.3 เช่น การประชาสัมพันธ์ให้ทุกหน่วยงานรัฐทราบถึงกลยุทธการแทรกแซงนโยบายของบริษัทบุหรี่ การมีแนวทางปฏิบัติที่เป็นลายลักษณ์อักษรสำหรับจำกัดการที่เจ้าหน้าที่รัฐจะพบปะกับผู้แทนบริษัทบุหรี่ การออกกฎหมายเพื่อกำหนดให้บริษัทบุหรี่ต้องเปิดเผยข้อมูลด้านการค้าและการตลาดต่อรัฐบาล การกำหนดนโยบาย หรือกฎระเบียบห้ามหน่วยงานรัฐรับบริจาคหรือการสนับสนุนจากบริษัทบุหรี่ การห้ามหน่วยงานรัฐยุ่งเกี่ยวใด ๆ กับบริษัทบุหรี่เป็นต้น

 

             อนึ่ง หลักฐานพบว่าประเทศในอาเซียนส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากการแทรกแซงนโยบายควบคุมยาสูบจากบริษัทบุหรี่ ทำให้อัตราการสูบบุหรี่ยังอยู่ในระดับที่สูง โดยอาเซียนมีผู้สูบบุหรี่รวม 125 ล้านคน หรือ ร้อยละ 10 ของผู้สูบบุหรี่ทั่วโลก ปัจจุบันนี้จำนวนผู้เสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ต่อปีในอินโดนีเซียเท่ากับ 427,000 คน มาเลเซีย 10,000 คน ฟิลิปปินส์ 87,000 คน เวียดนาม 40,000 คน และประเทศไทย 42,000 คน

 

 

 

ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ โทร.081-8229799

 

คุณบังอร ฤทธิภักดี โทร.081-2551280

 

 

 

 

 

 

 

ที่มา : เครือข่ายนักรณรงค์เพื่อการควบคุมการบริโภคยาสูบแห่งเอเชียอาคเนย์ (seatca)

 

 

 

update 26-02-52

 

Shares:
QR Code :
QR Code