สัมผัสหมู่บ้านพอเพียงกลางหุบเขา ‘ซับผุด…ผุดเป็นทรัพย์’
“สวัสดีค่ะพี่ๆ นักข่าว พวกเราชาวซับผุดยินดีต้อนรับและพี่ๆ นักข่าวก็ได้เขียนลงข่าวเชิญชวนให้คนมาเที่ยวที่บ้านทรัพย์ผุด มาซื้อพืชผักปลอดสารพิษของพวกเรา มาเล่นน้ำตกที่สวยงาม….เย้ๆๆๆๆ !”
เด็กเหล่านั้นอยู่ในสภาพเปียกปอนจากการเล่นน้ำ น้ำเสียงนั้นสดใสไร้เดียงสา บ่งบอกถึงความสุขแห่งชีวิต ต่างกับคำบอกเล่าของคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ของเธอที่เล่าให้พวกเราฟังว่าก่อนหน้านี้ 3 ปี ชีวิตของเขาดำรงอยู่ในสภาพที่รันทด บางวันไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียวที่จะทำขวัญถุงเก็บไว้บนบ้าน แต่เด็กเหล่านี้เพิ่งเติบโตและมีความทรงจำยังไม่ถึง 3 ปีนี่เอง
ย้อนไปก่อน 3 ปีที่แล้ว หมู่บ้านซับผุด ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ท่ามกลางการโอบล้อมของขุนเขาใหญ่น้อย ซึ่งเป็นชายขอบรอยต่อระหว่าง จ.เพชรบูรณ์ และ จ.ชัยภูมิ เป็นหมู่บ้านที่แห้งแล้ง เนื่องจากสภาพดินที่ไม่สามารถอุ้มน้ำไว้ได้ เมื่อถึงหน้าแล้งพื้นดินแตกระแหง ชาวบ้านได้แต่ฝากความหวังของอนาคตไว้กับการมาของหน้าฝนเท่านั้น อาชีพหลักของชาวบ้านเพาะปลูกพืชจำพวกข้าวโพด มันสำปะหลัง และทำนาบ้างหากใครมีที่ราบแต่รายได้มีเพียงน้อยนิดเนื่องจากหลังหมดหน้าฝนไม่สามารถเพาะปลูกพืชใดๆ ได้เลย ชาวบ้านส่วนหนึ่งหันเหชีวิตไปเป็นคนรับจ้าง ชีวิตความเป็นอยู่ค่อนข้างขัดสนแร้นแค้น บรรเด็กหนุ่มสาวต่างทิ้งบ้านเกิด มุ่งหน้าสู่เมืองกรุงเพื่อหางานทำ ทิ้งคนเฒ่าคนแก่และเด็กๆ ไว้เฝ้าบ้าน รายได้ส่วนหนึ่งของชาวบ้านจึงมาจากลูกหลานที่ไปขายแรงงานในภาคอุตสาหกรรมตามหัวเมืองใหญ่
“ยุคแรกๆ พวกผมย้ายถิ่นฐานมา ปักหลักที่นี่มีไม่กี่หลังคาเรือน เพราะผมอยากมีที่ทำกิน คิดเสมอว่าถ้ามีที่เพาะปลูกมันต้องทำกินได้ ที่เลือกมาตั้งถิ่นฐานใหม่ตรงนี้เพราะเห็นว่ามีตาน้ำผุด อย่างน้อยเรามีน้ำกิน มีที่ดินเพื่อเพาะปลูก ถ้ายังไม่ตายก็ต้องไม่ยอมแพ้ ถ้ามีน้ำทำการเกษตรได้ ผมสู้มาตลอด จึงคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะเอาน้ำตกมาเป็นน้ำเพื่อการเพาะปลูก” นายประสิทธิ์ อินทรรักษ์ อดีตผู้ใหญ่บ้านซับผุดคนแรกกล่าว
จากความแห้งแล้งและความเป็นอยู่ของชาวบ้านอยู่อย่างแร้นแค้น ทำให้ รศ.ทองทิพภา วิริยะพันธุ์ อาจารย์ประจำคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ศึกษาอย่างละเอียดและเลือกเป็นหมู่บ้านนำร่อง โครงการโมเดลซีเอสอาร์-พอเพียง โดยได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.), สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กระทรงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ องค์กรท้องถิ่น และบริษัทเอกชน ทำให้ชาวบ้านมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
รศ.ทองทิพภา บอกว่า โครงการโมเดลซีเอสอาร์-พอเพียงที่บ้านซับผุดหรือซับผุดโมเดล เป็นการขยายผลปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สู่ความรับผิดชอบต่อสังคม (csr) โดยให้ความสำคัญกับการสร้างความยั่งยืน มุ่งให้เกิดการพึ่งพาตนเองเพื่อก่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน เมื่อตัดสินใจว่าจะเลือกพื้นที่หมู่บ้านซับผุดเป็นต้นแบบ ก็เริ่มดำเนินการเมื่อปี 2553 หรือ 3 ปีก่อน ด้วยการนำหลักในการพัฒนาชุมชนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานไว้มาปฏิบัติ ทั้งในเรื่องการลงพื้นที่เพื่อศึกษาพื้นที่เดิม สำรวจข้อมูลที่เป็นจริง ใช้หลักวิชาการ ดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไป รวมกลุ่มชาวบ้าน ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมและจัดระบบการทำงานเชิงบูรณาการ
“ก่อนที่เราจะเลือกบ้านซับผุด ดิฉันลงพื้นที่สอบถามชาวบ้านว่าจะให้เราช่วยด้านใดมากที่สุดได้รับคำตอบว่าต้องการน้ำเพื่อการเกษตรอย่างยั่งยืน พวกเขามีแหล่งน้ำทั้งปีที่น้ำตกเสียสาว ห่างจากหมู่บ้านไม่ถึง 2 กม. เราจึงประสานขอความร่วมมือจาก ผู้ที่เกี่ยวข้อง เพราะการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนตามโมเดลซีเอสอาร์-พอเพียง จะไม่ใช้เงินเป็นตัวตั้ง โจทย์ของเราคือ ต้องการให้ชุมชนพึ่งพาตนเองได้ มีความ เข้มแข็ง พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลง ในที่สุด มีบริษัทเอกชนบริจาคท่อน้ำพีวีซี แล้วเราทำน้ำตก ภูเขา ทำให้ชาวบ้านสามารถเพาะปลูกพืชผักสวนครัวปลอดสารพิษ ทำให้บางครอบครัวสร้างรายได้ 200-300 บาทต่อวัน ผ่านไป 3 ปีชาวบ้านมีรายได้เพิ่มกว่า 42% รายจ่ายลด 12% จากการไม่ใช้สารเคมีในการ เกษตร ใช้ปุ๋ยหมักที่ปราชญ์ชาวบ้านสอนวิธีทำให้ สสส.รณรงค์งดเหล้า-บุรี ขณะที่เงินออมมีเพิ่มขึ้น 35.2% ส่งผลให้ชาวบ้านมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีความรู้รักสามัคคี ร่วมมือกันพัฒนาชุมชนอย่างแข็งขัน” รศ. ทองทิพภา ในฐานะประธานโมเดลซีเอสอาร์-พอเพียง กล่าว
สอดคล้องกับการบอกเล่าของ นายสำลีแทงกันยา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 14 บ้านซับผุด ที่บอกว่า ความเปลี่ยนแปลงของหมู่บ้านซับผุดนั้น เกิดขึ้นหลังจากที่ชาวบ้านมีน้ำใช้ตลอดทั้งปีจากโครงการประปาภูเขาเพื่อทำการเกษตรอย่างยั่งยืน ในการดำเนินโครงการมีการระดมความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยคนในชุมชนจะเป็นแกนหลักในการปฏิบัติงาน มีการวางแผนในการบริหารจัดการที่เป็นระบบ วันนี้… ทรัพย์บนพื้นดินต่างออกผลผลิตให้ชาวชุมชนได้ชื่นใจ ท่อประปาภูเขาได้กลายเป็น “ท่อผุดทรัพย์” ให้ชาวบ้านอย่างเป็นรูปธรรม ทำรายได้ของชาวบ้านเพิ่มขึ้น แต่กว่าที่ชาวบ้านจะให้ความร่วมมืออย่างวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะให้คณะบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมาเปลี่ยนวิถีชีวิตของพวกเขา จึงเริ่มจากน้อยไปหามาก เมื่อเห็นผู้ร่วมโครงการประสบผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมจึงมีคนอื่นตามมา
“ทุกวันนี้ชาวบ้านที่นี่มีกินมีอยู่สุขสบายขึ้น จากหมู่บ้านที่ไม่เคยมีใครรู้จัก ทุกวันนี้มีหลายหน่วยงานจากหลายจังหวัดเข้ามาเยี่ยม มาขอดูงาน มาเรียนรู้ร่วมกันทำให้คนที่นี่ภูมิใจในตัวเองมากขึ้น มีรายได้จากการขายผลผลิตทางการเกษตรตลอดทั้งปี มีปราชญ์ชาวบ้านเก่งๆ ที่คอยให้คำปรึกษา มีคณะอาจารย์ที่ให้ความรู้เรื่องต่างๆ เช่นการแปรรูปผลิตภัณฑ์ การทำน้ำพริก การสานตะกร้า การสร้างช่องทางการตลาด ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันคืออยากให้บ้านเราพัฒนาขึ้น ลูกหลานที่ออกไปหางานทำที่อื่นจะได้กลับมายึดอาชีพเลี้ยงดูตัวเองในบ้านเกิด ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มทยอยกันกลับมาแล้ว” นายสำลี กล่าว
หมู่บ้านซับผุด…ผุดเป็นทรัพย์ นับเป็นความสำเร็จของโครงการโมเดลซีเอสอาร์-พอเพียง ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีโอกาสขยายไปยังหมู่บ้านกันดารอื่นๆ ในอนาคตอันใกล้นี้
ที่มา : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก โดย ดลมนัส กาเจ