สะท้อนพฤติกรรมคนก่อคดีสะเทือนขวัญ
"ดร.วัลลภ" สะท้อนพฤติกรรมคนก่อคดีฆ่าหั่นศพ แบ่งเป็น 3 ประเภท ตัดขาดสังคม ต่อต้านสังคม และอาฆาตสังคม
แฟ้มภาพ
ดร.วัลลภ ปิยะมโนธรรม ที่ปรึกษาศูนย์พัฒนาความสุขมนุษย์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เปิดเผยว่า สาเหตุที่ส่งผลให้คนมีพฤติกรรมฆ่าหั่นศพ มีทั้งกรณีผู้ก่อเหตุไม่ได้ป่วยเป็นโรคทางจิตเวช โดยในสังคมสามารถแบ่งกลุ่มคนเหล่านี้เป็น 3 ประเภท เช่น ประเภทตัดขาดสังคม ต่อต้านสังคม และอาฆาตสังคม ซึ่งลักษณะแบบนี้อาจส่งผลทำให้เกิดการตัดสินใจกระทำผิดได้ โดยส่วนใหญ่มักจะพบว่าสาเหตุที่กระทำการฆ่าแล้วหั่นศพ เป็นการทำลายหลักฐาน , กรณีผู้ก่อเหตุป่วยเป็นโรคทางจิตเวช พบว่า สาเหตุที่กระทำการฆ่าแล้วหั่นศพ เกิดจากป่วยเป็นโรคจิต มีอาการทางจิตกำเริบ บกพร่องในการควบคุมอารมณ์ ไม่ได้รับประทานยาทางจิตเวชอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ในสังคมมีแนวโน้มว่ากลุ่มคนที่เสี่ยงจะกระทำความผิดทั้งฆ่าคนและหั่นศพเพิ่มสูงขึ้น สาเหตุเพราะการเลี้ยงดูจากครอบครัว การเข้าถึงสื่อโซเซี่ยล ทั้ง ภาพ หรือ คลิป ที่มีการใช้ความรุนแรง ได้ง่ายมากขึ้น อาจเกิดพฤติกรรมเลียนเบบ
"จากประสบการณ์พบว่าผู้ป่วยทางจิตสมัยนี้มีอาการรุนแรงมากกว่าเดิม บุคคลทั่วๆ ในยุคปัจจุบันนี้ก็ไม่ได้ถูกฝึกอบรมทางจิต จึงเสี่ยงต่อการมีพฤติกรรมที่รุนแรง มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในสังคม และเมื่อเกิดอารมณ์รัก โกรธ หึงหวง ก็จะมีอารณ์ที่รุนแรงและพร้อมจะกระทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องได้ง่าย"
ดร.วัลลภ กล่าวสำหรับคดีฆ่าหั่นศพที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย เช่น ปี 2544 คดีหมอผัสพร แพทย์หญิงโรงพยาบาลรถไฟที่หายตัวไปนานร่วมเดือน นำไปสู่การสืบสวนสอบสวน น.พ.วิสุทธ์ บุญเกษมสันติ ผู้เป็นสามีซึ่งให้การปฎิเสธมาโดยตลอด จนเมื่อทีมสืบสวนเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นอาคารวิทยนิเวศน์พบคราบเลือดและเส้นผมและหลักฐานสำคัญ ที่เป็นชิ้นส่วนของมนุษย์ในบ่อพักน้ำเสียของอาคาร ซึ่งตรงกับ DNA ของหมอผัสพร สอดคล้องกับพยานที่เห็น น.พ.วิสุทธิ์ อยู่กับหมอผัสพรเป็นคนสุดท้าย รวมถึงเรื่องการฟ้องหย่าที่มีปัญหาขัดแย้งกันมานานจนนำไปสู่มูลเหตุจูงใจฆ่า ปัจจุบันศาลได้พิพากษาให้ประหารชีวิตแล้ว แต่ยังสามารถอุทรได้อยู่
เมื่อปี 2541 คดีเสริม สาครราษฎ์ นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 2 ก่อเหตุฆ่าหั่นศพ น.ส.เจนจิรา พลอยองุ่นศรีแฟนสาว โดยนายเสริมให้การว่าใช้ปืนสังหารที่ขมับ น.ส.เจนจิรา เนื่องจากตกลงกันไม่ได้เรื่องมีชายอื่นมาพัวพันหลังจากนั้นได้ใช้มีดผ่าตัดเฉือนศพเป็นชิ้นๆ ทิ้งลงชักโครก จนมีผู้พบชิ้นเนื้อมนุษย์จนนำไปสู่การพิสูจน์ DNA ก็พบว่าตรงกับเจนจิรา
เมื่อปี 2554 นายชาญชัย น้ำใจ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 183/5 หมู่ 11 ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี ป่วยพิการทางสมอง ถูกนายบุญหนา มาพิบูลย์ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 119/2 ซอยทองคำอุทิศ ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี มีอาการทางประสาทฆ่าหั่นศพแยกชิ้นส่วนศีรษะ มือ และเท้า กองอยู่ในห้องโถงเลือดสาด สาเหตุอาการทางประสาทกำเริบมักจะอาละวาดเป็นประจำและปกติทั้งสองคนจะเดินไปมาหาสู่กันบ่อยๆ
เมื่อปี 2555 เกิดเหตุสุดสยองแม่มีอาการทางประสาท ฆ่าลูกสาว 2 คน วัย 5 ขวบ และขวบครึ่ง ชำแหละศพควักเครื่องในทำต้มแซบ แม่ผู้ป่วยซึ่งอยู่บ้านเดียวกันได้ยินเสียงดังกลางดึก ย่องไปดูแทบช็อก ลูกสาวใช้มีดผ่าฟืนสับคอหลานจนขาด เหตุเกิดในพื้นที่ สภ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ น.ส.นาไหม จะกู่ อายุ 26 ปีชาวเผ่ามูเซอ ฆ่าหั่นศพลูกตัวเองเป็นชิ้นๆและวางศีรษะไว้ในกองศพ พบมีดดาบยาวกว่า 1 เมตร รวม 3 เล่ม วางไว้บนเขียง ภายในห้องครัวพบหม้อต้มเครื่องในสุกแล้ว 1 ใบตรวจสอบเป็นเครื่องในหรืออวัยวะของเด็กทั้งสองคนปรุงเป็นต้มแซบ เกิดจากสาเหตุอาการทางจิตกำเริบเพราะขาดยาบำบัด
ถัดมาในพื้นที่ สน.บางขุนนนท์ ภรรยาฆ่าหั่นศพสามีป่วยเป็นอัมพฤกษ์ ยัดชิ้นส่วนใส่ถุงโยนทิ้งอ้างตัวเป็นเทพเจ้าแยกหัว-ข้อมือ-ข้อเท้าโยนลงคลองบางกอกน้อย ลำตัวยัดใส่กระเป๋าเดินทาง เรียก รปภ.มาลากออกไป อ้างเป็นของเก่าให้นำไปแจกจ่าย ยอมรับเสพยาบ้าวันละ 10 กว่าเม็ด อ้างอีกลงมือฆ่าเองเพราะเป็นร่างทรงพระพุทธเจ้าลงมาปราบมารเฒ่าโลหิต
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์