สสส. เปิด “ศูนย์พัฒนาเกษตรกรเกษตรอินทรีย์สุขใจ”
สสส. เปิด “ศูนย์พัฒนาเกษตรกรเกษตรอินทรีย์สุขใจ” แหล่งเรียนรู้ด้านพืชอินทรีย์ต้นน้ำ – ปลายน้ำมุ่งสร้างเกษตรกรหัวใจรักสุขภาพ ผลิตพืชปลอดสารพิษ ร่วมปกป้องสุขภาพคนไทย ครบวงจรแห่งแรกในไทย ชี้จำเป็นต้องเร่งแก้หลังเกษตรกรไทยใช้สารเคมีปีละ 16,000 ล้าน ต้นเหตุขายไม่ได้ถูกกีดกัน
เมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่โรงละครหมู่บ้านไทย สามพราน ริเวอร์ไซด์ รศ.จุมพล รอดคำดี กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวในพิธีเปิด “ศูนย์พัฒนาเกษตรกรเกษตรอินทรีย์สุขใจ” ว่า การพัฒนาเกษตรกรด้วยแนวทางเกษตรอินทรีย์ถือเป็นแนวทางที่สำคัญ โดยศูนย์พัฒนาเกษตรกร ฯ ก่อตั้งขึ้นโดยโครงการพัฒนาและยกระดับคุณภาพของเครือข่ายเกษตรกรและผู้บริโภคด้วยการผลิตพืชระบบอินทรีย์ ภายใต้การสนับสนุนของ สสส. เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ของเกษตรกรและผู้สนใจ เข้าร่วมศึกษาระบบเกษตรอินทรีย์ โดยปัจจุบันได้ให้ความรู้และอบรมเกษตรกรมาแล้วจำนวน 9 รุ่น หรือกว่า 500 คน โดยจะมีนักวิชาการที่เชี่ยวชาญด้านการผลิตพืชอินทรีย์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ด้านการตลาด มาคอยให้คำแนะนำว่า กระบวนการผลิตพืชอินทรีย์อย่างครบกระบวนการ
รศ.จุมพล กล่าวว่า การเพิ่มความปลอดภัยของสินค้าเกษตร เป็นแนวทางในการลดต้นทุนการผลิตไม่ต่ำกว่า ร้อยละ 60 และยังเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ส่วนประชาชนได้รับความปลอดภัย ถือเป็นการได้รับประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย ซึ่งสินค้าเกษตรปลอดภัยมีความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ เพราะเป็นสินค้าทางเลือกสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการความปลอดภัยในสุขภาพ ศูนย์พัฒนาเกษตรกรเกษตรอินทรีย์สุขใจ จึงทำหน้าที่ให้คำแนะนำอย่างครบวงจรสำหรับเกษตรกร ตั้งแต่การเริ่มต้นขบวนการผลิต การควบคุมคุณภาพ ไปจนถึงช่องทางการจำหน่ายสินค้า โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ซึ่งถือเป็นศูนย์ให้บริการเกษตรกรเป็นแห่งแรกที่ให้คำปรึกษาเกษตรกรอย่างครบวงจร โดยคาดว่าหลังจากเปิดศูนย์ ฯอย่างเป็นทางการจะมีเกษตรกรสนใจเข้ามาใช้บริการไม่ต่ำกว่า 500 รายในปีนี้ เนื่องจากตลาดอาหารเพื่อสุขภาพเป็นตลาดที่กำลังเติบโตได้ดี
นายอรุษ นวราช หัวหน้าโครงการพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของเครือข่ายเกษตรกรและผู้บริโภค กล่าวว่า ปัจจุบันไทยมีสัดส่วนการใช้สารเคมีในกระบวนการผลิตพืชมากถึง 1 ใน 3 คิดเป็นมูลค่าการนำเข้าสารเคมีกำจัดศัตรูพืชเฉลี่ยปีละประมาณ 16,000 ล้านบาท โดยการใช้สารเคมีอย่างไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดความเสี่ยงที่สารพิษจะสะสมเข้าสู่ร่างกายทั้งเกษตรกรผู้ปลูกพืช และผู้บริโภค นอกจากนี้ ปัญหาของสารพิษตกค้างยังกลายเป็นข้อจำกัดในการผลิตสินค้าเกษตร เพื่อการส่งออกที่สำคัญของไทย หากเกษตรกรไม่เปลี่ยนวิธีการผลิต ก็มีแนวโน้มสูงที่สินค้าเกษตรส่งออกของไทยจะถูกจำกัด ห้ามส่งออกไปยังประเทศที่เน้นเรื่องคุณภาพสินค้ามากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558
ด้านนายอำนาจ หลงสมบุญ เกษตรกรที่เข้าอบรมหลักสูตรสร้างเกษตรกรเกษตรอินทรีย์สุขใจ รุ่น 3กล่าวว่า จากการเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการการผลิตพืชอินทรีย์อย่างถูกวิธีแล้ว เกษตรกรส่วนใหญ่ จะพบปัญหาในการระบายสินค้าของตัวเอง เพราะไม่มีแผนการตลาดอย่างถูกวิธี ทำให้ขายผลผลิตไม่ได้ราคา เชื่อว่า “ศูนย์พัฒนาเกษตรกรเกษตรอินทรีย์สุขใจ” จะลดช่องว่างในขั้นตอนทำการตลาดที่เป็นหัวใจสำคัญลงได้ พร้อมชื่นชมหลักสูตรสร้างเกษตรกรเกษตรอินทรีย์สุขใจ ว่าช่วยเติมเต็มให้เกษตรกรเข้าใจในกระบวนการผลิตพืชอินทรีย์ได้อย่างดี
ทั้งนี้ สำหรับเกษตรกรหรือผู้สนใจในการผลิตพืชอินทรีย์อย่างถูกวิธี สามารถขอรับข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์พัฒนาเกษตรกรเกษตรอินทรีย์สุขใจ โทร. 034 – 322544 โทรสาร. 034 – 225203
ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข