สสส.สปอร์ตลีดเดอร์ 2 แปดริ้วจัดเต็ม ฝึกเยาวชนสู่ความเป็นผู้นำ
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และ บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ จังหวัดฉะเชิงเทรา, อบจ. ฉะเชิงเทรา, สมาคมกีฬาจังหวัดฉะเชิงเทรา และ โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ ได้ร่วมกันดำเนินการจัดโครงการฝึกอบรมค่ายผู้นำ เยาวชนสร้างเสริมสุขภาพ ด้านกีฬาและการออกกำลังกาย หรือ สสส.สปอร์ตลีดเดอร์ ซัมเมอร์แคมป์ ประจำปี 2555 รุ่นที่ 2
“เมืองธรรมะ พระศักดิ์สิทธิ์” นี่คือคำขึ้นต้นคำขวัญ ของ จ.ฉะเชิงเทรา นอกจาก หลวงพ่อพุทธโสธร ที่คนหลายจังหวัดต่างเดินทางมาเมืองแปดริ้ว เพื่อกราบสักการะบูชาแล้ว มะม่วงแสนหวานอร่อย ยังเป็นของขึ้นชื่อของ เมืองแปดริ้วอีกด้วย
แน่นอนว่า จ.ฉะเชิงเทรา เป็นอีกจังหวัดที่ได้รับเลือกจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ให้เป็นสถานที่อบรมค่ายผู้นำเยาวชน รุ่นที่ 2 หลังจากที่ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง จากค่ายผู้นำเยาวชน รุ่นที่ 1 ที่เทศบาล ต.หันคา จังหวัดชัยนาท ทำให้กระแสตอบรับของบรรดาผู้ปกครองและน้องๆเยาวชนทั้งในพื้นที่ และนอกพื้นที่ของเมืองแปดริ้ว จ.ฉะเชิงเทรา เต็มไปด้วย น้องๆ เยาวชน ชาย หญิง วัยกำลังซน ที่ตั้งใจมาเข้าร่วมกิจกรรม ตลอด 5 วัน 4 คืน ระหว่างวันที่ 26-30 เม.ย. 55 ที่ ร.ร.เบญจมราชรังสฤษฎิ์ แห่งนี้ ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นและสนุกสนาน
สำหรับโครงการนี้เป็นการร่วมกันระหว่าง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และ บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ จังหวัดฉะเชิงเทรา, อบจ. ฉะเชิงเทรา, สมาคมกีฬาจังหวัดฉะเชิงเทรา และ โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ ได้ร่วมกันดำเนินการจัดโครงการฝึกอบรมค่ายผู้นำ เยาวชนสร้างเสริมสุขภาพ ด้านกีฬาและการออกกำลังกาย หรือ สสส.สปอร์ตลีดเดอร์ ซัมเมอร์แคมป์ ประจำปี 2555 รุ่นที่ 2
ยามเช้าที่สดชื่นกับแสงแดดอ่อนๆ เยาวชนจากทั่วทุกอำเภอในจังหวัดฉะเชิงเทรา และ จังหวัดใกล้เคียง ทั้ง จ.นครปฐม, ชลบุรี, สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร หอบหิ้วกระเป๋าสัมภาระ เพื่อมารับการรายงานตัว โดยมีทั้งเดินทางมาเองและผู้ปกครองมาส่ง โดยมีผู้อำนวยการค่าย คณะวิทยากร และพี่เลี้ยงคอยต้อนรับและดูแลอย่างใกล้ชิด ทำให้ผู้ปกครองนั้นคลายความกังวลวิตกลงได้ เพราะมั่นใจและเชื่อใจกับการบริหารจัดการของทีมงาน เนื่องจากน้องๆ บางคนไม่เคยเข้าค่ายในกิจกรรมลักษณะนี้มาก่อน และก่อนที่จะแล้วเสร็จสิ้นการลงทะเบียนในเวลา 9 เช้า เช็กจำนวนยอดเยาวชนที่เข้าค่ายทั้งสิ้น 135 คน ถือว่าเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้เพียงแค่ 100 คน
หลังจากนั้น อ.อุดม วงศ์หอม ทีมนันทนาการมืออาชีพจากรั้ว มศว. ก็มาร่วมทำกิจกรรมนันทนาการและละลายพฤติกรรม ให้กับน้องๆ เยาวชนเพื่อให้รู้สึกคุ้นเคยเป็นกันเองและสนุกกับการทำกิจกรรมที่เกิดขึ้น
หลังจากที่เยาวชนได้ละลายพฤติกรรมโยกย้ายกันพอหอมปากหอมคอ ก็ได้มีการแบ่งกลุ่มเยาวชนออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มกีฬา ซึ่งในค่ายแห่งนี้ เยาวชนจะได้เรียนรู้ทักษะกีฬา ทั้งฟุตบอล, ว่ายน้ำและศิลปะป้องกันตัว เพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน และ กลุ่มสำหรับทำกิจกรรมผู้นำ 10 กลุ่ม หลังจากได้กลุ่มกิจกรรมที่ต้องการเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดแก่น้องๆ เยาวชนที่เข้าร่วม อ.วายุ พยัคฆันตร อดีตผู้ตรวจราชการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการค่ายครั้งนี้ ก็ได้เข้ามาพูดคุยและปฐมนิเทศกับน้องๆ เยาวชน ให้ได้รับรู้ถึงความสำคัญของกฎ กติกาการอยู่ค่าย การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน การให้เกียรติซึ่งกันและกัน การวางตัว การกตัญญู และการเก็บเกี่ยวนำความรู้ที่ได้รับจากค่ายนี้ไปใช้ในอนาคตต่อไป
พอถึงเวลาอันสำคัญคือพิธีเปิดการฝึกอบรม โครงการครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายศิวาโรจน์ มุ่งหมายผล ปลัดจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้ว่าราชการจังหวัด ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรมในครั้งนี้ กล่าวว่า ทางจังหวัดฉะเชิงเทรา รู้สึกดีใจและเป็นเกียรติอย่างมากที่ ทาง สสส.และสยามสปอร์ตฯ ได้จัดโครงการดีๆ แบบนี้ มาดำเนินการที่จังหวัดของเรา ซึ่งถือว่าเป็นโครงการที่ดีและต้นแบบ โดยการนำเอากิจกรรมการอยู่ค่ายพักแรม และกิจกรรมกีฬามาประยุกต์เข้าด้วยกัน พร้อมกับกิจกรรมทางด้านวิชาการอีกมากมาย ทั้งเรื่องของโทษยาเสพติด ประโยชน์ของการออกกำลังกาย ทักษะการใช้ชีวิต มามอบให้ลูกหลานเยาวชนชาวจังหวัดฉะเชิงเทราและจังหวัดใกล้เคียงที่เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ ทางจังหวัดพร้อมที่จะผลักดันโครงการแบบนี้ให้เป็นไปอย่างกว้างขวาง ทั่วถึงทั้งจังหวัดในโอกาสต่อไป หวังว่าเยาวชนทุกคนที่เข้าค่ายจะได้รับประสบการณ์อันล้ำค่าในกิจกรรมครั้งนี้
นับจากนี้ตลอด 5 วัน 4 คืน ถือว่าเป็นเวลาอันสำคัญยิ่งที่น้องๆ เยาวชนในค่าย สสส. จะได้ใช้ชีวิตร่วมกันแบบชาวค่าย โดยใช้กีฬาและกิจกรรมเป็นสื่อ เพื่อเป็นการสร้างวิสัยทัศน์ใหม่ๆ ให้กับตัวเอง ต่อจากนี้อยู่ที่ว่าใครจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ได้รับไว้กับตัวมากกว่ากัน เพื่อเป็นประโยชน์กับตัวเองประเทศชาติต่อไป
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามกีฬา