สสส.-กพย. เผยร้านชำขายยาในหมู่บ้านเสี่ยงอันตราย

สสส.-กพย. เผยร้านชำขายยาในหมู่บ้านเสี่ยงอันตราย

สสส.-กพย.เตือนชาวบ้านอย่าซื้อยาปฏิชีวนะมากินเอง หวั่นกระทบต่อปัญหาสุขภาพที่มีให้รุนแรงมากขึ้น ทั้งการแพ้ยาและการเกิดเชื้อดื้อยา ย้ำชัดขายยาปฏิชีวนะในร้านชำเป็นการกระทำผิดตามกฎหมายยา แนะสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องให้ประชาชนได้รู้วิธีใช้ยาอย่างเหมาะสม

ภก.สมศักดิ์ อาภาศรีทองสกุลภก.สมศักดิ์ อาภาศรีทองสกุล อาจารย์ประจำคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวในการประชุมวิชาการระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ 2 เรื่อง การจัดการปัญหาเชื้อดื้อยา ซึ่งจัดโดยแผนงานสร้างกลไกเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย.) คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เกี่ยวกับสถานการณ์การขายยาปฏิชีวนะในร้านชำ ว่า พฤติกรรมของคนไทยในการซื้อยาปฏิชีวนะมากินเอง เพื่อรักษาอาการเจ็บป่วย เป็นพฤติกรรมการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างไม่เหมาะสม ส่งผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพที่มีความรุนแรงมากขึ้น

จากการสำรวจการขายยาในหมู่บ้าน โดยเก็บข้อมูลจาก 8 จังหวัด ได้แก่ จ.มุกดาหาร ชัยภูมิ เชียงราย อุทัยธานี อ่างทอง ปราจีนบุรี ชุมพร และสงขลา จังหวัดละกว่า 20 หมู่บ้าน รวม 195 หมู่บ้าน มีร้านชำ 775 แห่ง กองทุนยาหมู่บ้าน 96 แห่ง พบว่าร้านชำในทุกหมู่บ้านมีการขายยาปฏิชีวนะ หรือคิดเป็น 100% ของร้านชำในหมู่บ้าน โดยตัวยาที่พบมาก ได้แก่ tetracycline (เตตร้าไซคลิน) 85.1% และ peniciline (เพนนิซิลิน) 80.5% ของหมู่บ้านทั้งหมด

ทั้งนี้ การขายยาปฏิชีวนะในร้านชำเป็นการกระทำผิดตามกฎหมายยา ซึ่งส่งผลให้เกิดการใช้ยาไม่เหมาะสมอย่างกว้างขวาง และทำให้ชาวบ้านเสี่ยงอันตรายจากยา ทั้งการแพ้ยาและการเกิดเชื้อดื้อยา

“ที่สำคัญยังพบกรณียาที่มีรูปลักษณ์คล้ายกันแต่เป็นยาต่างชนิดกัน ซึ่งชาวบ้านเรียกชื่อเหมือนกันหมดว่าเป็นยาเพนนิซิลิน ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดที่เป็นอีกสาเหตุสำคัญของการใช้ยาอย่างไม่เหมาะสม ดังนั้นจำเป็นต้องแก้ปัญหาในระบบการกระจายยาและการขึ้นทะเบียนตำรับ ควบคู่ไปกับการสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องให้ประชาชนได้รู้วิธีใช้ยาอย่างเหมาะสมด้วย” ภก.สมศักดิ์ กล่าว

ผศ.ภญ.ดร.ยุพดี ศิริสินสุข ด้าน ผศ.ภญ.ดร.ยุพดี ศิริสินสุข รองผู้จัดการ กพย. กล่าวว่า กพย.ร่วมกับภาคีเครือข่ายกำหนดยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนเพื่อสร้างกลไกการเฝ้าระวังการใช้ยาที่ไม่เหมาะสม ภายใต้กรอบแนวคิดยุทธศาสตร์ 3 ส. คือ “สื่อสารที่หลากหลาย สร้างเครือข่ายที่เข้มแข็ง และเสริมภูมิคุ้มกันที่เท่าทันของชุมชน”

ซึ่ง กพย.มีบทบาทเป็นหน่วยเฝ้าระวังระบบยา (drug system watchdog) คอยเฝ้าระวังและเตือนภัยให้แก่สังคม หากพบสถานการณ์การใช้ยาที่ไม่ถูกต้องเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ยา ก็จะส่งสัญญาณกระตุ้นเตือนประชาชนและส่งต่อข้อมูลให้แก่องค์กรที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขต่อไป

ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง

Shares:
QR Code :
QR Code