สวย…ไม่เสี่ยงหวัด
ช่วงนี้หลายคนออกอาการตื่นกลัวไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่กำลังแพร่ระบาดหนัก มาตรการหลายอย่างถูกนำมาใช้ เช่น ล้างมือบ่อยๆ ให้แน่ใจว่าสะอาด และหากจะให้ดีก็ต้องล้างมือด้วยวิธีที่ฆ่าเชื้อโรคได้ด้วย นั่นคือ ใช้แอลกอฮอล์เจลล้าง สวมหน้ากากอนามัย ใช้ช้อนกลางในการรับประทานอาหารร่วมกัน ฯลฯ
บางคนห่วงสวย ไม่อยากสวมหน้ากากอนามัย บางคนกลับบอกว่า จะสวยแล้วเสี่ยงภัย มันคุ้มกันหรือเปล่า? เรื่องนี้มีทางออกค่ะ
1. หน้ากากอนามัย
ใส่ไปเถอะค่ะ หากใส่แล้วสบายใจ รู้สึกว่าตนเองปลอดภัย โดยเฉพาะคนที่เป็นไข้หวัด ไม่ว่าจะไข้หวัดชนิดไหนก็ตาม คุณมีหน้าที่ต้องสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค เวลาไอหรือจามอยู่แล้ว ถือเป็นความรับผิดชอบต่อส่วนรวมโดยไม่ต้องใช้เรื่องความน่ามองเป็นข้ออ้าง
ใส่หน้ากากอนามัยแล้วไม่น่ามองตรงไหนหรือคะ โดยเฉพาะเวลานี้มีหน้ากากอนามัยที่เพิ่มสีและลวดลายต่างๆ ลงไป มีให้เลือกเยอะแยะไปหมด
อยากให้ทุกคนตั้งหลักเพื่อทำความเข้าใจไปพร้อมๆ กันว่า หน้ากากอนามัยที่ใช้กันอยู่ โดยเฉพาะที่ซื้อหามาจากตลาดทั่วๆ ไปในเวลานี้ ป้องกันเชื้อโรคไข้หวัด 2009 เข้าสู่ร่างกายได้เพียงบางส่วนเท่านั้น และในการเลือกโปรดนึกถึงเหตุผลด้านสุขอนามัยเป็นสำคัญ เรื่องแฟชั่นเป็นเรื่องแถม
หากคุณ
นอกจากนี้ หน้ากากอนามัยยังต้องรู้วิธีใส่ ใส่ให้ถูกต้อง และต้องเลือกชนิดที่ระบายอากาศได้ดี ไม่เช่นนั้น คุณจะต้องสูดเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กลับเข้าไปทางลมหายใจมากกว่าปกติ
เวลาสวมหน้ากากอนามัย หากยังต้องแต่งหน้าสวย ก็ควรเลือกเครื่องสำอางที่ป้องกันการลบเลือน โดยเฉพาะลิปสติกที่ต้องไม่ติดเลอะบนผ้า ทั้งควรมีหน้ากากอนามัยไว้คอยเปลี่ยน อย่างน้อยรอบเช้ากับรอบบ่าย ก็ไม่ควรเป็นหน้ากากอนามัยแผ่นเดิม
2. ล้างมือ
ล้างไปเถอะค่ะ ไม่ต้องกลัวว่ามือจะซีด ผิวจะแห้ง เพราะต้องล้างมือบ่อย เอาชีวิตไว้ก่อนดีกว่าว่าไหมคะ อันที่จริงการล้างมือมีประโยชน์มากค่ะ โดยปกติก่อนรับประทานอาหาร ก็มีคำแนะนำให้เราทุกคนล้างมือให้สะอาดเป็นกิจวัตรอยู่แล้ว เพื่อสุขภาพส่วนตัวและส่วนรวม เพราะมือของเราจับต้องข้าวของอะไรต่างๆ ตลอดเวลา มีโอกาสที่ฝุ่นผงและเชื้อโรคต่างๆ จะติดเปื้อนมา ฉะนั้น ล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะเวลานี้ การล้างมือด้วยแอลกอฮอล์เจลนับเป็นวิธีที่ดียิ่งขึ้น
แต่อย่าทำอย่างที่ทำกันโดยทั่วไป ด้วยการหยดเจลลงในมือนิดๆ หน่อยๆ แล้วก็แค่ถูๆ ไถๆ ไปพอเป็นพิธี อย่างนี้ก็แทบไม่ช่วยอะไร เพราะเชื้อโรคทั้งหลายตามซอกนิ้ว ซอกเล็บ และส่วนต่างๆ ของมือแทบจะยังไม่ถูกกำจัดออกไปเลยด้วยซ้ำ
ในทางบุคลิกภาพ ความสะอาดของเนื้อตัว หน้าตา และมือไม้ นับเป็นองค์ประกอบที่ช่วยให้น่ามองอยู่แล้ว เวลานี้จึงควรงดเว้นการต่อเล็บ เพนต์เล็บ หรือไว้เล็บยาวมากๆ เพราะมือเป็นช่องทางนำเชื้อโรคหลายชนิด รวมทั้งเชื้อไข้หวัด 2009 ที่เข้าสู่ร่างกายได้ง่าย ผ่านทางมือที่หยิบอาหารใส่ปาก เช็ดปาก เช็ดหน้า เช็ดตา แคะจมูก ฯลฯ เล็บที่สั้นและสะอาดจะไม่เป็นบ่อกักเชื้อโรค จึงควรหยุดสวยด้วยเล็บไปสักพัก ระหว่างที่ไข้หวัด 2009 แพร่ระบาดหนัก หลังจากนั้นค่อยกลับมาสวยด้วยเล็บ (ปลอม) กันต่อ
แต่หากยังอยากจะไว้เล็บก็ไม่ขัดใจ แต่ต้องใส่ใจที่จะล้างมือหรือทำความสะอาดมือให้นานหน่อย จนแน่ใจว่าสะอาดแล้วทุกซอกทุกมุม
3. ใช้ช้อนกลาง
โดยมารยาทบนโต๊ะอาหาร เราต้องใช้ช้อนกลางอยู่แล้ว ถูกไหมคะ นอกเหนือจากช้อนกลางที่หลายคนไม่นิยมใช้ ยังชอบแสดงน้ำใจ ใช้ช้อนกับส้อมของตัวเองตักอาหารใส่จานให้คนอื่นอีก ดิฉันย้ำในเรื่องนี้บ่อยมากๆ ว่า เพียงแค่เลื่อนจาน หรือยกอาหารจานนั้นให้เขาตัก หรือแค่เอ่ยปากเชิญชวนก็เพียงพอแล้ว อย่าใช้ช้อนที่คุณใช้ตักข้าวใส่ปาก เที่ยวตักอาหารให้ใครต่อใคร นอกจากไม่งามในเชิงมารยาทบนโต๊ะอาหารแล้ว อาจนำโรคภัยไข้เจ็บไปติดคนอื่นเขาได้
4. สุขภาพ-อนามัย
อาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดทุกวัน เช่นเดียวกับการดูแลความสะอาดของเสื้อผ้า บ้านช่อง ห้องหับ โต๊ะทำงาน ฯลฯ เพื่อป้องกันเชื้อโรคและความสกปรกทั้งหลายเข้าโจมตีความแข็งแรงของร่างกาย
พร้อมกันนี้หมั่นออกกำลังกายให้เป็นกิจวัตร สัปดาห์ละ 2 ครั้งเป็นอย่างน้อย ครั้งละ 45 นาทีเป็นอย่างต่ำ ไม่เพียงจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง มีภูมิต้านทานโรคได้ดีเท่านั้น แต่ยังทำให้ทรวดทรงองค์เอวกระชับเข้าที่ มีสัดส่วนที่น่ามอง ไม่เหลว หย่อน หรืออวบอ้วนเกินงามด้วย อย่าลืมว่าโรคประจำตัวอย่างหนึ่งที่เสี่ยงต่อการเสียชีวิต หากติดเชื้อไข้หวัด 2009 ก็คือ โรคอ้วน! จึงควรรับประทานอาหารแต่พอดี ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป
รับประทานให้ครบ 3 มื้อ และรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ สะอาด โดยเน้นรับประทานผักและผลไม้ที่มีวิตามินซีมาก อาทิ ฝรั่ง ส้ม มะขามป้อม สับปะรด มะนาว ผักในตระกูลกะหล่ำ ดอกขี้เหล็ก มะรุม มะระ เหล่านี้เป็นต้น หรือรับประทานวิตามินซีเสริมบ้างตามสมควร (ตามคำแนะนำของแพทย์หรือนักโภชนาการ)
ไข้หวัด 2009 อาจเป็นเพียงอีกโรคภัยหนึ่งที่ช่วยเตือนให้เราหันมาใส่ใจสุขภาพในเชิงป้องกัน นั่นคือการเตรียมตัวเองให้อยู่ในความแข็งแรง มีภูมิต้านทานที่ดีตามธรรมชาติตลอดเวลา มากกว่าเจ็บป่วยแล้วค่อยมาหาวิธีรักษา
ในห้วงยามนี้ ความสวย ความดูดี อาจต้องเพลาต้องพักลงไปบ้าง แต่หันมาดูแลสุขภาพและป้องกันการติดเชื้อไข้หวัด 2009 ดูจะเป็นประโยชน์เฉพาะหน้าที่ชัดเจนกว่า แต่ไม่ถึงกับต้องปล่อยปละละเลย ขอเพียงเรามีความเข้าใจในแนวทางการดูแลตัวเองให้ไกลโรคไข้หวัด 2009 จากนั้นเราก็ดูแลตัวเองให้ทั่วจากหัวจรดเท้าอย่างเดิม
ทั้งบุคลิกภาพและความปลอดภัยในชีวิต ก็ไม่มีมุมไหนที่ขัดแย้งกัน จนก่อเหตุเภทภัยให้แก่เราๆ ท่านๆ ทุกคน เพราะเหตุว่าต้องเลือกเอาอย่างหนึ่งอย่างใด เนื่องจากเราสามารถเลือกได้ทั้งสอง อย่างนี้ในเวลาเดียวกัน!
ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
Update 30-07-52
อัพเดทเนื้อหาโดย : กันทิมา ลีจันทึก
อ่านเนื้อหาทั้งหมดในคอลัมน์คลิกที่นี่