‘สร้างนำซ่อม’ภารกิจเลิกบุหรี่ทั่วไทย
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
แฟ้มภาพ
เป็นที่ทราบกันดีว่า "บุหรี่" มีพิษภัยร้ายกาจ และไม่เฉพาะแต่เพียงผู้สูบเท่านั้น ยังลามไปถึงคนรอบข้างด้วย
นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในงานแถลงข่าวโครงการ "3 ล้าน 3 ปี เลิกบุหรี่ทั่วไทย เทิดไท้องค์ราชัน" เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ในปี 2558 ประเทศไทยมีคนตาย จากโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่มากถึง 50,710 คน และทำให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐศาสตร์ไม่น้อยกว่า 5.22 หมื่นล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.5 ของจีดีพี
ที่ผ่านมา การทำงานด้านควบคุมการบริโภคยาสูบถือเป็นภารกิจหลักอย่างหนึ่งของ สธ. โดยเฉพาะกรมควบคุมโรค (คร.) ที่พยายามผลักดันร่าง พ.ร.บ.ควบคุมยาสูบฉบับใหม่ แต่ที่ยังเป็นปัญหา คือ การดำเนินการส่วนใหญ่ยังคงเป็นการตั้งรับ โดยเฉพาะการรักษาพยาบาลคนที่เจ็บป่วยจากการสูบบุหรี่
จึงถึงเวลาที่ต้องทำให้คนมีสุขภาพดีก่อนจะเจ็บป่วย ภายใต้แนวคิด 'สร้างนำซ่อม' โดยร่วมมือกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และเหล่าหน้าด่านงานสาธารณสุข คือ หมออนามัย และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ผ่านชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย มูลนิธิเครือข่ายหมออนามัย สมาคมหมออนามัย สมาคมวิชาชีพสาธารณสุข ชมรมอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งประเทศไทย ในการทำโครงการดังกล่าว โดยให้หมออนามัยและ อสม. เป็นด่านหน้าชักชวนคนติดบุหรี่ให้เลิกบุหรี่ได้จำนวน 3 ล้านคนภายใน 3 ปี หรือปี 2561 เนื่องในโอกาสครองราชสมบัติครบ 70 ปี ในปี 2559 และทรงมีพระชนมพรรษา 90 พรรษา ในปี 2560 และ 91 พรรษา ในปี 2561
ดร.นพ.บัณฑิต ศรไพศาล ผอ.สำนักสนับสนุนควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สสส. ขยายความถึงแนวคิด "สร้างนำซ่อม" ว่า การป่วยก็คือผ้าที่เละแล้ว ต่อให้รักษาคือเอาไปซักอย่างไร สีผ้าก็ไม่สะอาดดังเดิม แต่การทำให้สุขภาพดีไม่ป่วยก็เปรียบเสมือนผ้าขาว ที่ยังสะอาดอยู่
"เรามีกลุ่มหมออนามัยกว่า 4 หมื่นคน และ อสม. อีกกว่า 1.2 ล้านคน สามารถเข้าถึงได้ทุกบ้านทั่วประเทศไทย จึงเชื่อว่าสามารถทำได้" ดร.นพ.บัณฑิต กล่าว
โดยเฉพาะ หมออนามัย ซึ่ง ผศ.พิเศษ กาญจนา ทองทั่ว นักวิจัย ท้องถิ่น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เห็นว่า เป็นฟันเฟืองที่สำคัญมาก เพราะเป็นคนที่ชาวบ้านให้การนับถือ แต่ด้วยปัจจุบันการยกฐานะสถานีอนามัยขึ้นเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) จึงทำให้บทบาทจากการสร้างเสริมสุขภาพถูกลดทอน จึงถือเป็นความท้าทายที่สำคัญในการขับเคลื่อนโครงการในครั้งนี้
ไม่เพียงเท่านั้น เพราะการจะขับเคลื่อนโครงการให้ประสบผลสำเร็จ ยังจำเป็นต้องมีการประสานทั้งแนวราบและแนวดิ่ง โดย ธาดา วรรธนปิยกุล ประธานมูลนิธิเครือข่ายหมออนามัย กล่าวเปรียบว่า เหมือนเสื้อผ้าที่เส้นใยต้องมีทั้งแนวตรง และแนวราบจึงจะเป็นผ้าที่มีคุณภาพดี ไม่ขาดง่าย อย่างกรม ควบคุมโรค หรือ สสส.ก็ต้องเข้ามา สนับสนุนการทำงานด้วยจึงจะสำเร็จเห็นผล
แน่นอนว่าหากการชักชวนเลิกบุหรี่ได้ครบตามเป้าหมายที่ 3 ล้านคน ประสบความสำเร็จ โมเดล 'สร้างนำซ่อม' ก็จะถือเป็นต้นแบบสำคัญในการปรับใช้สร้างเสริมสุขภาพในเรื่องอื่นได้เป็น อย่างดีการป่วยก็คือผ้าที่เละแล้ว ต่อให้รักษาคือเอาไปซัก สีผ้าก็ไม่สะอาดดังเดิม แต่การทำให้สุขภาพดี ก็เปรียบเสมือนผ้าขาว ที่ยังสะอาดอยู่