สร้างฐานข้อมูลเห็ดพิษ เห็ดกินได้ในไทย
ที่มา: ข่าวสด
แฟ้มภาพ
คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จัดพิธีลงนามความร่วมมือ "การจัดทำฐานข้อมูลเห็ดพิษและเห็ดรับประทานได้ในประเทศไทยและการพัฒนาแอพพลิเคชั่น Application Mushroom Image Matching" ระหว่าง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ที่อาคารบรมราชกุมารี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ศ.สัมพันธ์ ฤทธิเดช อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เป็นประธานลงนามร่วมกับ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ศ.ดร.ไพโรจน์ ประมวล คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ รศ.ดร.ขวัญเรือน นาคสุวรรณ์กุล ภัณฑารักษ์ประจำพิพิธภัณฑ์เห็ดที่มีฤทธิ์ทางยา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม(มมส) น.ส.เกสร บุญยรักษ์โยธิน ผอ.ศูนย์วิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ที่ 8 อุดรธานี และ นพ.สมชาย แสงกิจจา ผอ.สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข ร่วมพิธี
รศ.ดร.ขวัญเรือน นาคสุวรรณ์กุล กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์อาหารเป็นพิษจากการรับประทานเห็ดพิษเกิดจากชาวบ้านมักเข้าไปเก็บเห็ดมาบริโภค โดยมีความเข้าใจและความเชื่อที่ไม่ถูกต้องในการระบุชนิดของเห็ดพิษและเห็ดที่รับประทานได้ นอกจากนี้ช่วงเวลาการเก็บเห็ดโดยเฉพาะช่วงเช้ามืดมีแสงสว่างค่อนข้างน้อย อาจทำให้มีการเก็บเห็ดพิษที่มีลักษณะใกล้เคียงกับเห็ดรับประทานได้ปะปนมาด้วย จากรายงานข้อมูลเฝ้าระวังโรคของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค พบผู้ป่วยจากการรับประทานเห็ดพิษ ปีละกว่า 1,000 คน เสียชีวิตปีละ 5-10 ราย พื้นที่ที่พบรายงานการเกิดสถานการณ์ที่มีอัตราการเจ็บป่วยส่วนใหญ่อยู่ในภาคอีสาน เห็ดที่เป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิตส่วนใหญ่ คือเห็ดระโงกพิษ (เห็ดระโงกหิน เห็ด ระงากหรือเห็ดไข่ตายซาก) เห็ดชนิดนี้จัดอยู่ในกลุ่มเห็ดที่มีความคล้ายคลึงกับเห็ดระโงกขาวหรือไข่ห่านที่สามารถรับประทานได้ และเห็ดหมวกจีนที่มีลักษณะคล้ายเห็ดปลวกหรือเห็ดโคน
"การจัดทำฐานข้อมูลเห็ดพิษและเห็ดรับประทาน ได้ ร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มีหน้าที่สนับสนุนบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในการทำงานวิจัยด้านเห็ดพิษและเห็ดรับประทานได้อย่างต่อเนื่อง สนับสนุนภาพถ่ายเห็ดพิษและเห็ดรับประทานได้จากฐานข้อมูลในพิพิธภัณฑ์เห็ดที่มีฤทธิ์ทางยา เพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิงในการตรวจสอบลักษณะของเห็ดในโปรแกรมแอพพลิเคชั่น อีกทั้งประเมินประสิทธิภาพของแอพฯ กับนิสิตหลักสูตรปริญญาตรี-เอกในรายวิชาเกี่ยวกับเห็ดเพื่อตรวจสอบชนิดของเห็ดในภาคสนาม"
ด้านนพ.โอภาส กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จัดทำฐานข้อมูลเห็ดพิษและเห็ดรับประทานได้ เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลสายพันธุ์อ้างอิงในประเทศ รวมทั้งพัฒนาแอพพลิเคชั่นเพื่อตรวจสอบชนิดของเห็ดได้อย่างรวดเร็วจากโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ตโฟน
"การพัฒนาแอพพลิเคชั่นจำเป็นต้องใช้ภาพถ่ายลักษณะที่สำคัญต่างๆ ของเห็ดจำนวนมากเพื่อใช้ในการประมวลผลที่ถูกต้องและแม่นยำ ซึ่งฐานข้อมูลดังกล่าวคาดว่าจะสำเร็จพร้อมทดลองใช้งานได้ในเดือนส.ค.นี้"