สร้างชุมชนนำร่อง รับมือโควิด-19

ที่มา : มติชน


สร้างชุมชนนำร่อง รับมือโควิด-19  thaihealth


แฟ้มภาพ


สำนักอนามัย กรุงเทพฯ จับมือ สช.สร้าง'ธรรมนูญชุมชน' หรือ'มาตรการทางสังคม'ใน 60 ชุมชนนำร่อง ร่วมป้องกันโควิด-19 รองผู้อำนวยการสำนักอนามัยย้ำ ประชาชนอย่าประมาทระลอกสอง ป้องกันตัวเองเหมือนเดิม เสริมด้วยแอพพลิเคชั่น'ไทยชนะ- ผู้พิทักษ์ไทยชนะ'ช่วยรัฐติดตามควบคุมโรคได้เร็ว


นพ.สุนทร สุนทรชาติ รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า นอกเหนือจากความรวดเร็วรัดกุมในทางกฎหมายที่รัฐบาลและผู้ว่าฯกทม.ได้ทำมาโดยตลอดแล้ว กำลังหลักในการสู้ภัยโควิด-19 อีกส่วนหนึ่งก็คือภาคประชาชน โดยที่ผ่านมา สำนักอนามัยได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) กำหนดพื้นที่ใน 10 เขต กทม.เป็นชุมชนนำร่อง 60 ชุมชน ดำเนินการตามมาตรการที่รัฐบาลและ กทม.กำหนดอย่างจริงจัง ต่อเนื่องและทั่วถึง ไม่ว่าจะเป็นการใส่หน้ากาก การเว้นระยะห่าง ลดความแออัด การดูแลสุขลักษณะต่างๆ


นพ.สุนทรกล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีการผนึกกำลังกับอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีอยู่ 10,000 กว่าคน กระจายตัวอยู่ชุมชนละ 3-4 คน ทำหน้าที่ให้ความรู้คนในชุมชนและช่วยคัดกรองเบื้องต้นเหมือน อสม.ในต่างจังหวัด ขณะที่ต่างจังหวัดมีโรงพยาบาลสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เป็นหน่วยที่ดูแลใกล้ชิดประชาชนที่สุด กทม.ก็มีหน่วยบริการปฐมภูมิ หรือในชื่อเดิมว่า ศูนย์บริการสาธารณสุข อยู่อีก 69 แห่ง


"ถามว่าจะรับมืออย่างไรในระลอกสอง ผมคิดว่าหลักการที่สำคัญ 5-6 ข้อที่รัฐบาลและ กทม.ประกาศให้ประชาชนป้องกันตนเองนั้นเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว ทั้งการใส่หน้ากาก ใช้เจลล้างมือ การเว้นระยะห่าง เลี่ยงความแออัด สิ่งเหล่านี้ช่วยควบคุมการแพร่ระบาดได้ ไม่ได้ขออะไรมาก แต่ขอให้ทำเหมือนเดิม อย่าย่อหย่อน และหากมีอาการเข้าเกณฑ์ความเสี่ยงก็รีบไปตรวจที่โรงพยาบาลทันที ซึ่งสิทธิ สปสช.ให้ตรวจฟรีได้ด้วย ช่วงที่คนไข้น้อยลง เราก็ไปเสริมศักยภาพของโรงพยาบาลต่างๆ เตรียมความพร้อมกันไปเรื่อยๆ ทำให้มีความพร้อมมากกว่าช่วงต้นปีเยอะ" นพ.สุนทรกล่าว


นพ.สุนทรกล่าวว่า การทำงานของ กทม.นั้นยังคงใช้หลักการ "รีบตะครุบ" นั่นคือ หากพบว่าใครเป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่จะต้องส่งทีมสอบสวนเคลื่อนที่เร็วเข้าไปในชุมชน ปัจจุบันมีอยู่ 71 ทีม เพื่อสำรวจว่าผู้ป่วยปฏิสัมพันธ์กับใครบ้างแล้วระงับการระบาดให้เร็วที่สุด


"ตอนนี้มีเครื่องมือที่คนเริ่มไม่ค่อยใช้กันแล้วนั่นคือไทยชนะ เรื่องนี้ต้องช่วยกันประชาสัมพันธ์ ช่วงจัดทำโปรแกรม ผมมีโอกาสอยู่ในคณะทำงาน คุยกันหลายเรื่อง เราสร้างคนไข้สมมุติขึ้นมาด้วย สมมุติว่า นายสุนทรเข้าไปในที่แห่งหนึ่ง สแกนไทยชนะตามจุดต่างๆ สิ่งที่ปรากฏคือ ระบบจะบอกเบอร์คนต่างๆ ที่อยู่บริเวณนั้น หากพบว่านายสุนทรป่วย ถ้าใช้โปรแกรมไทยชนะ เราก็จะมีคนราว 300-500 คน ที่ต้องรีบโทรไปหาเขาเพื่อสอบสวนโรค มีอาการไหม จะได้รีบตรวจให้ แต่หากไม่มีไทยชนะกว่าจะตามได้ บางทีติดกันหลายช่วงแล้ว ต้องตามคนสักหมื่นคน ดังนั้น อย่าขี้เกียจเลย สแกนไว้มีประโยชน์ เราไม่ได้เอาข้อมูลไปทำอะไร ผู้ที่ถือข้อมูลก็คือกระทรวงสาธารณสุข" รองผู้อำนวยการสำนักอนามัยกล่าว


นพ.สุนทรยังกล่าวถึงเครื่องมือที่กรุงเทพมหานครจัดทำนั่นคือ ผู้พิทักษ์ไทยชนะ เป็นแอพลิเคชั่นที่เกี่ยวเนื่องกับไทยชนะในการตรวจสอบมาตรการของร้านค้าร้านอาหารต่างๆ เพิ่งเปิดตัวไม่นานนี้และมีผู้ร่วมใช้งานราว 2-3 ล้านคน "สมมุติเราไปร้าน A แล้ว ผมประเมินมาตรการต่างๆ ระยะห่าง ความสะอาด มีเจลล้างมือ สวมหน้ากากกันไหม ร้านไหนที่ได้คะแนนต่ำ เราก็ส่ง 'ผู้พิทักษ์ไทยชนะ' ได้แก่ เจ้าหน้าที่ของ กทม. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสิ่งแวดล้อมของสำนักงานเขตไปตรวจสอบ ตักเตือน ตอนนี้ให้เจ้าหน้าที่ลงทะเบียนเป็นผู้พิทักษ์หมดทุกคน มีแอพพ์ส่วนตัว จริงๆ เราเน้นหลายพื้นที่ แต่พื้นที่สำคัญอย่างห้องน้ำเป็นแหล่งแพร่เชื้อได้เยอะ ดังนั้น จึงเป็นเป้าหมายสำคัญมากที่ต้องดูแล"

Shares:
QR Code :
QR Code