สมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี..สู่การพัฒนาเครือข่ายครู
ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
ภาพประกอบจากเฟสบุ๊คเจ้าฟ้ามหาจักรี
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีพระราชทานรางวัล "สมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี" รางวัลอันทรงเกียรติแห่งความเป็น "ครู" ไปเมื่อเดือน ต.ค.58 คุณครูที่ได้รับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อเชิดชูเกียรติครูดีเด่นในอาเซียนและติมอร์-เลสเต 11 ประเทศได้ต่อ ยอดการเรียนรู้และทักษะของตนเอง เพื่อสร้างเครือข่ายในประเทศอย่างไรบ้างนั้น ลองฟังกันดู
"คุณครูทอช บันดาว" จากประเทศกัมพูชา ครูสอนภาษาอังกฤษระดับประถมศึกษาใน Wat-Bo Primary School วัย 38 ปี นับเป็นครูที่เน้นการสอนโดยใช้นักเรียนเป็นศูนย์กลางผ่านเทคนิคสร้างแรงจูงใจผู้เรียน ให้ความสำคัญกับเด็กเรียนรู้ช้า โดยการสร้างเครื่องมือช่วยสอนจนได้รับรางวัลชนะเลิศครูที่มีความโดดเด่นในระดับชาติ ได้เล่าถึงวันสตรีสากลที่ผ่านมาว่า เธอได้รับเกียรติเป็นตัวแทนข้าราชการประจำกระทรวงศึกษา เยาวชนและการกีฬากว่าหกหมื่นคน และตัวแทนของครูกว่าหนึ่งแสนคนในเมืองเสียมราฐ กล่าวถึงสิทธิและความเท่าเทียมกันของสตรีในประเทศกัมพูชา
"ดิฉันได้ให้คำมั่นสัญญาในฐานะสตรีที่เป็นตัวแทนครูใน 4 ข้อ คือ 1.สตรีต้องมีความมุ่งมั่นและทุ่มเทความสามารถในการรับใช้สังคม 2.สตรีต้องมีความเข้มแข็งทั้งทางร่างกายและจิตใจ 3.สตรีต้องมุ่งมั่นพัฒนาการศึกษาให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และ 4.สตรีต้องมุ่งมั่นที่จะพลเมืองที่ดีของสังคม
ฉันรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เกิดเป็นผู้หญิงในประเทศกัมพูชา ในฐานะที่ฉันมีโอกาสได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ฉันมีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ให้เพื่อนครูชาวกัมพูชาเดือนละครั้งอย่างต่อเนื่อง บางครั้งก็เป็นการสื่อสารผ่านระบบ ICT ซึ่งช่วยสร้างเครือข่ายโรงเรียนที่ทำงานร่วมกันจำนวน 5-6 แห่งได้คล่องตัวยิ่งขึ้น และในอนาคตคงเป็นเรื่องดีไม่น้อย หากฉันจะมีโอกาสได้เรียนรู้ร่วมกับครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีในรุ่นต่อๆไป"
ส่วน "คุณครูไซนุดดิน ซาคาเรีย" จากประเทศมาเลเซียที่เล่าว่า เขามีโอกาสกลับมาช่วยประเทศไทยต่อยอดในเรื่องนวัตกรรมการเรียนรู้ในด้านทักษะ ICT ภายใต้ชื่อ "Project ThaiMas." ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง 3 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนแม่ริมวิทยาคม จ.เชียงใหม่ โรงเรียนปทุมวิไล จ.ปทุมธานี และโรงเรียน Taman Bukit Maluri ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเขาได้เพื่อนครูชาวไทยเป็นผู้ประสานงาน ในการพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กเยาวชน และครูผู้สอนระหว่างประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย
"หลังจากที่ผมได้รับรางวัล ผมเริ่มมั่นใจกับการค้นหาเทคนิคใหม่ๆในการสอนด้าน ICT ภายใต้บริบทโรงเรียนที่มีความขาดแคลน ทำอย่างไรให้ระบบ ICT ช่วยให้เกิดการเรียนรู้อย่างประสิทธิภาพ ผมพยายามสร้างสะพานเพื่อเพิ่มโอกาสให้โรงเรียน ครูและนักเรียนในแต่ละประเทศได้เข้าถึงการศึกษาด้วยการสนับสนุนผ่านระบบ ICT โดยล่าสุดผมใช้ทุนที่ได้จากรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีบินกลับมาร่วมงานกับ รร.แม่ริมวิทยาคม ในเดือน ธ.ค.58 และจะกลับมาอีกครั้งในเดือน มิ.ย.59 เพื่อร่วมงานกับ รร.ปทุมวิไล ซึ่งขณะนี้นักเรียนชาวมาเลเซียและนักเรียนชาวไทยได้เริ่มสื่อสารผ่านการใช้เฟซบุ๊คและอีเมลระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง และผมยังใช้เงินบางส่วนจากรางวัลฯในการปรับปรุงอุปกรณ์ให้ทันสมัยต่อการเรียนรู้ทักษะในศตวรรษที่ 21 โดยคาดหวังว่าอย่างน้อยจะมีครูจำนวน 106 คนในโรงเรียนของผมได้ร่วมพัฒนาทักษะด้าน ICT ร่วมในโปรเจกต์นี้ด้วย"
ขณะที่ "คุณครู ฮาจา รัตนาวาติ บินติ ฮาจิ โมฮัมมัด" ประเทศบรูไนดารุสซาลาม ครูการศึกษาพิเศษโรงเรียนประถม Keriam Primary School วัย 48 ปี ผู้ริเริ่มการนำนวัตกรรมมาสอนเด็กพิการเรียนร่วมในรูปแบบต่างๆ โดยชักชวนผู้ปกครองและชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมจนได้รับรางวัลครูดีเลิศจากสุลต่านแห่งบรูไน ได้แชร์ข้อมูลผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวของเธอว่า ดิฉันมีความสุขทุกครั้งที่ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานร่วมกับเพื่อนครูที่ได้รับรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี โดยเฉพาะเทคนิคกระบวนการสอน "ในบรูไนฉันทำหน้าที่คล้ายๆกับตัวแทนของมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีในการบอกเล่าประสบการณ์ที่ได้รับจากรางวัลอันทรงเกียรตินี้แก่เครือข่ายครูชาวบรูไนตลอดปีที่ผ่านมา และยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง"
สำหรับประเทศไทย ผู้เป็นเจ้าภาพรางวัลอันทรงคุณค่านี้ มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ยังสนับสนุนเครือข่ายครูผู้รับรางวัลระดับคุณากร ครูยิ่งคุณ และครูขวัญศิษย์ และมอบให้สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) เป็นมีส่วนร่วมด้วยช่วยงานพัฒนาโครงการของครูแต่ละท่าน ใน 4 เวทีภูมิภาค โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นเวทีที่ 3 จัดเมื่อวันที่ 12-13 มี.ค.59 ที่ผ่านมา ณ โรงแรมตักศิลา จ.มหาสารคาม ซึ่งได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามจัดนักศึกษามาร่วมศึกษาเรียนรู้และช่วยงานครูขวัญศิษย์ ทั้ง 46 ท่านโดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับและพัฒนาคุณภาพเด็กเยาวชนผ่านผู้สอนเพื่อส่งเสริมให้เกิดสุขภาวะที่ดีในการเรียนรู้ และจะมีการจัดเวทีครั้งที่ 4 (ภาคเหนือ) ในวันที่ 26-27 มีนาคมนี้ที่จังหวัดเชียงใหม่
คุณครูเฉลิมพร วงศ์ธีระวรรณ ครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีประเทศไทย กล่าวถึงประสบการณ์ที่ได้แลกเปลี่ยนทั้ง 3 ภาคที่ผ่านมาว่า ถือเป็นการเปลี่ยนมิติใหม่ในการอบรมครูในประเทศไทย เพราะโดยทั่วไปการอบรมมักตั้งโจทย์จากผู้จัด แต่ไม่ได้เป็นความสนใจของผู้อบรม แต่ครั้งนี้เป็นมิติที่สามารถพัฒนาครูได้ตามความถนัด ทำให้ครูรับงานด้วยความเต็มใจและมีความกระตือรือล้นในการขยายความรู้ไปยังเครือข่ายครูและนักเรียน อีกมุมที่น่าสนใจคือ ในส่วนคุณครูที่ชราภาพ แต่ในตัวท่านมีองค์ความรู้ชั้นดี ซึ่งแต่เดิมอาจถูกมองข้าม แต่พอใช้กระบวนการถอดองค์ความรู้แทนที่จะให้ความรู้นั้นจมหายไป แล้วหยิบมาต่อยอดให้เครือข่ายครูก็จะเกิดประโยชน์มาก เพราะเป็นองค์ความรู้และทฤษฎีที่ผ่านการลองผิดลองถูกและปรับใช้ได้สำเร็จประเทศไทย สำหรับชีวิตส่วนตัวนั้น นอกจากงานสอนในห้องที่ยังเป็นงานหลัก ยังมีการบรรยายสร้างแรงบันดาลใจให้เพื่อนครู และโครงการวิทยาศาสตร์ให้แก่เด็กเยาวชนซึ่งถือเป็นงานที่เขาเต็มใจช่วยในฐานะครู