สปสช.ลงนามผนึก3องค์กร ยุติ’เอดส์’ปี73

ที่มา : แนวหน้า


สปสช.ลงนามผนึก3องค์กร ยุติ'เอดส์'ปี73  thaihealth


แฟ้มภาพ


 


สปสช.-กรมควบคุมโรค-สภากาชาดไทย-ภาคีเครือข่าย ผู้ติดเชื้อเอดส์ ลงนามร่วมมือ"ป้องกันการติดเชื้อเอดส์ในไทย ลดการเสียชีวิตผู้ติดเชื้อ มุ่งขับเคลื่อน ยุทธศาสตร์เอดส์ชาติ เป้ายุติปัญหาเอดส์ในปี 2573 พร้อมแจงแนวทางบริการป้องกันติดเชื้อเอดส์ กองทุน บัตรทองปี 2562


สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กรมควบคุมโรค สภากาชาดไทย และองค์กรภาคีและเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์ร่วมลงนาม ความร่วมมือในการดำเนินงานป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี(เอดส์)ในประเทศไทย พร้อมร่วมประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานบริการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีประจำปีงบประมาณ 2562 โดยมีผู้บริหาร เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมโรค ผู้แทนสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานป้องกันและควบคุมโรคเขตทุกแห่ง องค์กรภาคี เครือข่ายที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม


โดย นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า เอดส์เป็นปัญหาสาธารณสุขที่ทั่วโลกต่างให้ความสำคัญ เพื่อยุติการแพร่กระจายโรค ประเทศไทยได้แสดงเจตนารมณ์อย่างมุ่งมั่นที่จะยุติปัญหาเอดส์ภายในปี 2573 โดยขับเคลื่อนยุทธศาสตร์แห่งชาติว่าด้วยการยุติปัญหาเอดส์ พ.ศ.2560-2573 มีเป้าหมายหลัก 3 ประการ คือ 1.ลดการติดเชื้อเอชไอวี รายใหม่เหลือไม่เกิน 1,000 รายต่อปี 2.ลดการเสียชีวิตในผู้ติดเชื้อเอชไอวี เหลือปีละไม่เกิน 4,000 ราย และ 3.ลดการเลือกปฏิบัติอันเกี่ยวเนื่องจากเอชไอวี และเพศภาวะลงจากเดิมร้อยละ 90


ในส่วนกองทุนหลักประกันสุขภาพ แห่งชาติ ได้สนับสนุนขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ แห่งชาติว่าด้วยการยุติปัญหาเอดส์ฯ มาอย่างต่อเนื่อง ในปีงบประมาณ 2562 รัฐบาลจัดสรรงบบริการผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์จำนวน 3,046 ล้านบาท เป็นงบบริการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี จำนวน 200 ล้านบาท แต่การบรรลุ เป้าหมายได้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานและภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนนำมาสู่การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้เพื่อผนึกกำลังร่วมกันให้การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์แห่งชาติว่าด้วยการยุติปัญหาเอดส์ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับแผนงานระดับโลกเพื่อทราบสถานการณ์ติดเชื้อของตนเองตามคำขวัญที่ว่า "ตรวจเร็ว รักษาเร็ว ยุติเอดส์"


ส่วนการประชุมชี้แจง แนวทางการดำเนินงานบริการป้องกันการติดเชื้อ เอชไอวี ปีงบประมาณ 2562 เพื่อชี้แจงและทำความเข้าใจแนวทางดำเนินงานปีนี้และเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์การดำเนินงาน สะท้อนปัญหา และอุปสรรคสู่การปรับปรุงและพัฒนางานป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี พร้อมเชื่อมโยงทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน 3 ประการ คือ 1.ไม่มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ 2.ไม่มีการเสียชีวิตเนื่องจากเอดส์ และ 3.ไม่มีการตีตราและเลือกปฏิบัติ สู่ความสำเร็จ ในการยุติปัญหาเอดส์ภายในปี 2573


ด้าน นพ.ประพันธ์ ภานุภาค ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย กล่าวว่าจากรายงานสถานการณ์เอชไอวี ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ปี 2559 พบ ผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ 6,200 ราย หรือเฉลี่ยวันละ 17 ราย ความสำเร็จนี้เป็นผลของความร่วมมือของทุกภาคส่วน โดยศูนย์วิจัยโรคเอดส์เป็นหน่วยงานที่ร่วม ขับเคลื่อนและเพื่อให้การควบคุมและป้องกันเอดส์เป็นไปอย่างมีประสิทธิผล ตามยุทธศาสตร์แห่งชาติที่ได้กำหนด เป้าหมายลดการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ให้เหลือไม่เกิน 1,000 รายต่อปี


"แม้ปัจจุบันสิทธิประโยชน์หลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้ครอบคลุมทั้งการรักษาและการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีแล้วแต่เป้าหมายยุทธศาสตร์แห่งชาติจะเกิดขึ้นได้ต้องมีกระบวนการขับเคลื่อนโดยใช้กลไก "ตรวจเร็ว รักษาเร็ว ยุติเอดส์" เนื่องจากปัจจุบันยังมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากที่ยังไม่ทราบสถานการณ์การติดเชื้อของตนเอง ดังนั้นการตรวจเร็วและรักษาเร็วจึงสำคัญอย่างยิ่งต่อการลดการแพร่กระจายเชื้อและลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่" ผอ.ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ฯ ย้ำ


อย่างไรก็ตาม นพ.ประพันธ์ ยังกล่าวอีกว่า การลงนามความร่วมมือเพื่อดำเนินงานป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีในประเทศไทยในครั้งนี้ได้แสดงถึงเจตนารมณ์ความมุ่งมั่นของหน่วยงานและภาคีเครือข่ายภาคีที่เกี่ยวข้อง ส่งผลต่อร่วมมือ เพื่อแก้ไขปัญหาเอดส์อย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิผลยิ่งขึ้น ประกอบกับความเสียสละและทุ่มเทแรงกายแรงใจของคนทำงานและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน เชื่อว่าจะทำให้ประเทศไทยประสบผลสำเร็จอีกครั้ง เพื่อยุติปัญหาเอดส์ภายในปี 2573


อนึ่ง สำหรับในวันที่ 1 ธันวาคมของทุกปี องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนดเป็น "วันเอดส์โลก" ( World AIDS Day) เพื่อให้ทุกประเทศทั่วโลก จัดกิจกรรม รณรงค์ป้องกัน และยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อเอดส์ หรือ HIV ให้เป็นผลสำเร็จราว 3 ทศวรรษนับแต่ปี 2531 เป็นต้นมาโดยมีสัญลักษณ์เป็นโบสีแดง (Red Ribbon) ที่ใช้กันทั่วโลก เพื่อแสดงถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ระหว่าง ผู้ที่มีเชื้อเอชไอวี โพซิทีฟ (HIV- positive) กับผู้ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเอดส์

Shares:
QR Code :
QR Code