‘สบายอาราม’ปรับภูมิทัศน์ให้วัดดีต่อใจ
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
แฟ้มภาพ
ดึงคนรุ่นใหม่ร่วมคิด วัดแบบไหนที่คนไทยอยากเห็น จัดทำผังแม่บทในการพัฒนาสิ่งแวดล้อม กิจกรรม และพื้นที่โดยรอบชุมชน
"วัด" แบบไหนที่คนไทยอยากเห็น และกลับมาเป็น แหล่งศูนย์รวมทางจิตวิญญาณ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ คือแนวคิดของงาน "W(h)at If …" Forum & Exhibition ถ้าวัด…ในวันนี้ จะเป็นวัดที่คนไทยอยากเห็น จัดโดยโครงการวัดบันดาลใจ ภายใต้การสนับสนุนของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับสถาบันอาศรมศิลป์ เพื่อรวบรวมแนวคิดและสร้างแรงบันดาลใจในการพลิกฟื้นวัดอย่างร่วมสมัย โดยจัดนิทรรศการแสดงผลงานการออกแบบเพื่อช่วยแก้ปัญหาในด้านต่าง ๆ ให้กับวัด โดยแสดงให้เห็นถึงตัวอย่างปัญหาและแนวทางแก้ไขที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงของนักออกแบบอาสาสมัครโครงการวัดบันดาลใจ จัดขึ้น ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
ที่มาของโครงการวัดบันดาลใจ นพ.ชาญวิทย์ วสันต์ธนารัตน์ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะองค์กร สสส. เล่าว่า ต้องการพัฒนาพื้นที่วัดให้เป็นศูนย์เรียนรู้สุขภาวะของเมืองที่ตอบโจทย์การพัฒนาสุขภาวะทั้ง 4 มิติ คือ กาย ใจ สังคม และจิตวิญญาณ โดยพลิกฟื้นทุนทางธรรมชาติ ทุนทางวัฒนธรรม กิจกรรมและการจัดการเพื่อดึงคนยุคใหม่ กลับเข้าวัดเน้นการสร้างความเข้าใจกับวัด ชุมชน และองค์กรท้องถิ่น เพื่อหาจุดสมดุลร่วมกันในการจัดทำผังแม่บทในการพัฒนาสิ่งแวดล้อม กิจกรรม และพื้นที่โดยรอบชุมชน โดยมี 9 วัดนำร่อง ประกอบด้วย 1. วัดสุทธิวราราม กทม. 2. วัดนางชี กทม. 3. วัดชลประทานรังสฤษฏ์ (อารามหลวง) จ.นนทบุรี 4. มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยและ วัดมหาจุฬาลงกรณราชูทิศ จ.พระนครศรีอยุธยา 5.วัดภูเขาทอง จ.พระนครศรีอยุธยา 6. วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร จ.เชียงใหม่ 7. วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร จ.นครพนม 8. วัดป่าโนนกุดหล่ม จ.ศรีสะเกษ และ 9. วัดศรีทวี จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งถือเป็นตัวแทนของวัดกลางเมือง วัดตามวิถีบวร วัดป่าสายปฏิบัติ วัดกับการเป็นศูนย์เรียนรู้ชุมชน และวัดพัฒนาโบราณสถาน
โดยพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมและสามารถ เป็นแรงผลักดันให้กับวัดทั่วประเทศ จนเกิดเป็นเครือข่ายเรียนรู้ร่วมกันระหว่างพระสงฆ์และฆราวาส โดยไม่ขัดกับวิถีปฏิบัติเดิมของวัด
น.ส.ปริยาภรณ์ สุขกุล ผู้จัดการโครงการวัดบันดาลใจ สถาบันอาศรมศิลป์ เล่าว่า โจทย์ที่ได้รับจาก สสส.คือทำอย่างไรที่จะพลิกฟื้นวัดให้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางจิตวิญญาณ สร้างเสริมสุขภาพทางกาย จิตใจ และสุขภาวะทางสังคม ในปีแรกจึงได้ออกแบบวัดทั้ง 9 แห่ง และขยายเพิ่มไปอีก 40 แห่งในปีที่สอง ซึ่งประเด็นในการออกแบบวัดที่พบบ่อยคือ ความร่มรื่นหรือสัปปายะ โดยเฉพาะวัดในเมือง จึงเกิดเป็นแนวทางการออกแบบปรับปรุงภูมิทัศน์ เช่น 1. ลดภาวะวัดร้อน พื้นที่วัดในเมืองส่วนใหญ่ กลายเป็นที่จอดรถหรืออาคาร จึงเกิดการวางผังจัดการพื้นที่ใหม่ ทำให้พื้นที่ลานจอดรถและพื้นที่สีเขียวอยู่รวมกันได้อย่างร่มรื่น 2. สบายอาราม วัดส่วนใหญ่มักขยายพื้นที่ก่อสร้างอาคารโดยไม่มีผังรองรับและไม่เหลือพื้นที่โล่ง ทั้งที่พุทธศาสนาตั้งต้นมาจากธรรมชาติ จึงใช้การออกแบบผังแม่บท ปรับสภาพแวดล้อมให้วัดโล่งโปร่งสบาย รวมถึงการจัดโซนนิ่งการใช้พื้นที่ให้เหมาะสม เช่น เขตพุทธาวาส เขตสังฆาวาส และพื้นที่บริการชุมชน เพื่อให้มีการบริหารจัดการและการจัดการสัญจรที่เหมาะสม
3. ธรรมตามสมัย โดยปรับกิจกรรมธรรมะให้ร่วมสมัยเพื่อธรรมะเข้าถึงคนรุ่นใหม่ จึงทดลองจัดกิจกรรมตักบาตรเดือนเกิด พลิกฟื้นวิถีการทำบุญตักบาตร โดยปรับประยุกต์ให้สอดคล้องกับวิถีคนเมือง 4. วัดเก่าของเราแต่ก่อน-ของเก่ามาเล่าใหม่ วัดจำนวนมากที่ เป็นมรดกทางธรรมและทางวัฒนธรรม ทำอย่างไรให้วัดเหล่านี้ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์และพลิกฟื้นกิจกรรมในอดีตอย่างถูกต้องและร่วมสมัย 5. ปิดทองหลังวัด ชวนทุกคนมาช่วยกันจัดการเรื่องหลังวัด โดยวิธีบริหารจัดการแบบใหม่ เช่น การจัดการขยะ สังฆทาน รวมถึงระบบล้างจาน การคัดแยกขยะสำหรับฆราวาสในวัด
วัดสุทธิวราราม กรุงเทพฯ ตัวอย่างของการลดภาวะวัดร้อนที่เห็นเด่นชัด เนื่องจากเป็นวัดกลางเมืองย่านเจริญกรุง พื้นที่โล่งรอบพระอุโบสถที่มีอยู่จำกัด ภายในวัดจึงถูกใช้เป็นลานจอดรถรองรับคนส่วนใหญ่ ขาดไม้ยืนต้นร่มเงา ทำให้บรรยากาศของวัดขาดความร่มรื่น การทำงานของกลุ่มนักออกแบบอาสาวัดบันดาลใจจึงเริ่มจัดทำผังบริเวณวัดเพื่อขอคืนพื้นที่สีเขียว สร้างมุมสงบให้คนเข้ามาพักผ่อนและศึกษาธรรมะ
ของเก่า มาเล่าใหม่ ในวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร จ.นครพนม วัดที่กำลังขอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก จึงมีการดึงเรื่องราวที่น่าสนใจมาเล่าขานให้คนรุ่นใหม่ได้รับรู้ถึงความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ศิลปกรรม และหลักคำสอนที่แฝงอยู่ โดย หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ ร่วมกับนักออกแบบได้ศึกษาข้อมูลและออกแบบวางตำแหน่งรอยธรรมสำคัญเพื่อนำพุทธศาสนิกชนและนักท่องเที่ยวได้เรียนรู้คุณค่าผ่านงานพุทธศิลป์ อาทิ ภาษิตเตือนใจไทอีสานรอบระเบียงแก้ว จาก ภาพปูนปั้นนูนต่ำเพื่อเตือนใจในการใช้ชีวิตอย่างขี่ช้างจับตั๊กแตน วัวเห็นแก่หญ้า ไม่มีขี้ฝอยหมาไม่ขี้ ไม่มีหนี้เขาไม่ทวง เป็นต้น ซึ่งในอนาคตจะมีการอบรมเครือข่ายโรงเรียนในพื้นที่ที่มีมัคคุเทศก์น้อยต่อไป
วัดที่คนไทยอยากเห็นผ่านการสะท้อนจากโจทย์ของ "ผู้ใช้งานจริง" ทั้งจากพระและฆราวาส เป็นรูปแบบใหม่ของการทำนุบำรุงศาสนาที่เรียกว่าบุญซึ่งยังประโยชน์ให้ชุมชนและผู้คนโดยรวม …มากกว่าการบริจาคเงินทำบุญเพียงอย่างเดียว