สนามชัยเขต เกษตรกรรมยั่งยืน
ช่วยตัวเองช่วยชุมชน
ปัจจุบันผู้คนในสังคมหันมาศึกษา และให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ และผลกระทบจากสิ่งแวดล้อม กันอย่างจริงจัง ทั้งนี้เนื่องมาจากโรคภัยไข้เจ็บ ที่นับวันจะเพิ่มมากขึ้นทวีคูณ เปรียบดั่งเงาตามตัว หากไม่ระวังการกินและใส่ใจสุขภาพเมื่อไหร่ โรคภัยไข้เจ็บก็จะย่างกรายเข้ามา
ทั้งหลายทั้งปวงล้วนมาจากวิถีชีวิต การกินการอยู่ และสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปมากมายอาหารออร์แกนิก อาหารเพื่อสุขภาพ หรือที่เรียกกันว่า ผลิตภัณฑ์สีเขียว หรือ กรีนโปรดักส์ จึงเป็นที่ต้องการ ไม่ว่าจะกลุ่มคนเล็กๆ หรือระดับชุมชนใหญ่
ดังที่ผ่านมา “สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ” (สสส.) ได้เข้ามามีบทบาทในการสนับสนุนเงินทุน เพื่อให้โครงการดีๆ ได้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
โดยเฉพาะการเสริมสร้างสุขภาพ กระตุ้นให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และสภาพแวดล้อม ที่เอื้อต่อคุณภาพชีวิต อันจะช่วยลดภาระทางสังคมของประเทศ โดยมีเป้าหมายลดอัตราการเจ็บป่วย และเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของสังคมคนไทย
ดังในเร็วๆ นี้ สสส.จัดสัญจรลงพื้นที่ติดตามผล “โครงการพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืนเพื่อสุขภาวะภาคกลาง” ที่ อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ถือเป็นโครงการต้นแบบของการสร้างชุมชนให้เข้มแข็ง โดย “เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือกภูมินิเวศน์ฉะเชิงเทรา” ที่พวกเขาจัดการและบริการกันเองด้วยคนในชุมชน
เริ่มที่ “ตลาดสีเขียวและโครงการอาหารเพื่อสุขภาพ” เป็นการร่วมมือกันของโรงพยาบาลสนามชัยเขต และกลุ่มเกษตรอินทรีย์ อ.สนามชัยเขต โดยทุกๆ วันจันทร์ เกษตรกรจะเวียนกันนำผลผลิตปลอดสารพิษจากสวน มาขายโดยไม่ต้องจับจองพื้นที่ เพราะทุกๆ คนมีสิทธิเท่าเทียมกัน
อีกทั้งในทุกๆ วัน ยังตั้งร้านขายอาหารคาวหวาน ที่สด สะอาด ปลอดสารพิษ ที่สำคัญมีรสชาติถูกปากเป็นอย่างมาก โดยโครงการนี้เริ่มต้นได้ไม่นานนัก แต่กลับได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี จากทั้งคนในชุมชนเอง คนไข้ในโรงพยาบาล และลูกค้าประจำ อย่างแพทย์และพยาบาล
น.ส.คำพัน สุพรม หนึ่งในแกนนำโครงการ และนับเป็นเกษตรกรต้นแบบที่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ จากการทำเกษตรกรรมยั่งยืน
คำพันเล่าว่า ในอดีตเคยเป็นสาวโรงงาน แต่เมื่อปีพ.ศ.2540 เจอพิษเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง จึงกลับมาประกอบอาชีพเกษตรกรรมธรรมชาติแบบผสมผสาน บนพื้นที่พระราชทานสำหรับเกษตรกรที่ไม่มีพื้นที่ทำกิน จำนวน 2 ไร่ และเป็นที่ตั้งของบ้านด้วย
โดยแบ่งพื้นที่ทำนา 1 งาน เพื่อเป็นแหล่งขยายพันธุ์ข้าวให้แก่สมาชิกในเครือข่าย และรอบๆ บ้านจะเลี้ยงปลา เลี้ยงกบ ปลูกผักพื้นบ้านและผลไม้นานาชนิด อาทิ ผักหวานป่า ผักหวานบ้าน ผักปรัง ผักกูด ผักหนาม ชะอม เห็ดฟาง กล้วย ชมพู่ มะม่วง เพกา ลองกอง และมังคุด
“อยู่กรุงเทพฯ ออกจากบ้านทุกอย่างต้องใช้เงินหมด แต่ที่นี่พอเปิดประตูบ้านออกมา อยากได้อะไร เราก็ไปเก็บ ไปจับ ไปหามา สามารถทำอาหารได้เอง อยากเลี้ยง หรืออยากทำอะไรก็ทำได้”
“เกษตรกรรมยั่งยืนมีความยั่งยืนแน่นอน เพราะว่าเรามีอาหารกิน ไม่ต้องไปขอใคร อยากกินอะไรก็ปลูกเอา ยังไงมันต้องให้ผลผลิตกับเรา จะมากจะน้อยอยู่ที่การดูแลของเรา อยู่ที่เราขยันจะบำรุงมัน และเมื่อพอมีพอกิน ก็เก็บไปขายสร้างรายได้ให้ครอบครัว ผลผลิตทุกอย่างปลอดภัยอย่างแน่นอน เพราะไม่ใช้สารเคมี” คำพัน เล่าอย่างภาคภูมิใจ
อีกกลุ่มที่ได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมชม คือ “กลุ่มเกษตรอินทรีย์ อ.สนามชัยเขต” ทั้งยังมีโอกาสชมการสาธิตนวดแป้งข้าวเกรียบ ใช้ส่วนผสมทั้ง เผือก มันเทศ และถั่วดำ มีให้เลือกหลายแบบ ทั้งแบบเดี่ยวและแบบรวมตามแต่จะชอบ
ชมวิธีการทำขนมจีนอินทรีย์หลากสี ที่มีส่วนผสมจากผลผลิตตามธรรมชาติ อาทิ ดอกอัญชัน นอกจากจะให้ชมวิธีการทำขนมจีนแล้ว ในมื้อกลางวัน ขนมจีนที่ทำยังเป็นเมนูเอกของมื้อ ควบคู่กับข้าวกล้อง และพืชผักพื้นบ้านปลอดสารพิษ ที่นำมาปรุงแต่งเป็นอาหารเลิศรส ตบท้ายด้วยขนมข้าวต้มมัดที่ใช้ใบกะพ้อห่อ
น.ส.พูลเพ็ชร สีเหลืองอ่อน ผู้ประสานงานโครงการพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืนเพื่อสุขภาวะภาคกลาง กล่าวว่า ปัญหาของการทำเกษตรปัจจุบัน ให้ความสำคัญกับการผลิต เน้นเพิ่มปริมาณเป็นหลัก แต่ไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น สภาพแวดล้อม คุณภาพชีวิต และพื้นที่ผลิตอาหาร ถูกทำลายไปจากการส่งเสริมแบบนี้
โครงการพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืนเพื่อสุขภาวะภาคกลาง จึงมีเป้าหมายอนุรักษ์ฟื้นฟูสภาพพื้นที่ทางการเกษตร ให้ดำรงไว้ซึ่งการผลิตอาหารเพื่อคนในชุมชน ในสังคม และในประเทศ รวมไปถึงคนทั่วโลก จะได้ประโยชน์จากอาหารที่ผลิตนั้นเอง
“เราเริ่มจากจุดเล็กๆ ที่เป็นพื้นฐาน คือ ชุมชน สร้างให้เห็นเป็นรูปธรรม ที่เห็นผลทั้งในแง่ของผู้ผลิตและผู้บริโภค โดยมีเป้าหมายให้คนในชุมชนพึ่งพาตนเองได้ ที่สำคัญเราส่งเสริมการผลิต ที่เน้นความปลอดภัยต่อผู้ผลิต ผู้บริโภค ดำรงไว้ซึ่งการผลิตแบบดั้งเดิม โดยใช้พันธุ์พืชพื้นบ้าน ใช้ระบบเกษตรอินทรีย์ ให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมในพื้นที่ ขณะเดียวกันเมื่อมีผลผลิตเหลือมาก จะนำไปขายต่อยังตลาดนอก นำรายได้กลับเข้าสู่ชุมชน” ผู้ประสานงานโครงการ กล่าว
นับเป็นอีกกลุ่มเกษตรกรรม ที่หลายชุมชนอื่นๆ ทั่วประเทศ สามารถนำไปเป็นต้นแบบได้
ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
update: 04-01-53
อัพเดทเนื้อหาโดย: ภราดร เดชสาร