สธ.แจงร่างกฎหมายคุมเหล้าฉบับใหม่มีประโยชน์ ไม่ใช่รังแกคนจน
สธ.ย้ำการออกร่างกฎหมายห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนทางสาธารณะ เป็นการคุ้มครองความปลอดภัยประชาชนส่วนรวม และที่มาในการออกกฎหมายมาจากผลวิจัยพบว่า คนไทยโดยเฉพาะเด็ก-เยาวชนซื้อเครื่องดื่มชนิดนี้ง่ายเกินไป เฉลี่ยเพียง 7 นาทีซื้อได้ และยังเป็นสินค้าที่ทำให้คนไทยเจ็บ พิการ เสียชีวิตอันดับ 1
นพ.สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีมีการนำเสนอข่าวการออกกฎหมายลูก ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนทางสาธารณะของ สธ.เป็นการรังแกคนจนว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ร่างขึ้นมาเพื่อคุ้มครองประชาชนทุกคน ไม่ได้มีเจตนากลั่นแกล้งหรือลิดรอนสิทธิผู้ค้ารายย่อยแต่อย่างใด ผู้ที่ได้รับผลกระทบเป็นเพียงคนส่วนน้อย ซึ่งน่าจะเห็นใจคนส่วนใหญ่ที่ต้องใช้ฟุตบาทเดินเท้า หรือคนไม่มีรถขับต้องเดินเท้า ไม่มีแม้แต่ทุนเปิดร้านข้างทาง ทั้งที่มีสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายที่จะใช้ทางเท้าที่ออกแบบมาให้ใช้ในการสัญจรตามกฎหมาย แต่กลับถูกละเมิดสิทธิจากร้านค้าริมฟุตบาท
“ในบางมุมมองของบางกลุ่ม อาจคิดว่าการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนฟุตบาทเป็นวิถีชีวิต แต่เป็นวิถีที่ไม่เหมาะสม ทุกคนต้องร่วมด้วยช่วยกัน ทำให้สังคมมีวิถีชีวิตที่เป็นสุขภาวะที่เหมาะสมและปลอดภัยมากขึ้น ทั้งจากโรคต่างๆ และอุบัติเหตุจราจร คนจนต้องได้รับความเคารพสิทธิ ต้องได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายเท่าเทียมกับคนรวย ประกาศฉบับนี้เป็นการคุ้มครองคนจนทั้งคนต้องเดินเท้าบนถนนและฟุตบาท กับผู้ขายเครื่องดื่มฯ และลูกน้อง รวมถึงครอบครัว โดยให้งดเว้นการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่เสี่ยงต่อสุขภาพของทั้งผู้ขาย ผู้ดื่ม และคนเดินเท้า ไม่เป็นแบบอย่างที่ไม่ดีงามให้ลูกหลานเยาวชนได้เห็น จนมองว่าเป็นเรื่องปกติ ต้องเคารพและเห็นแก่ประโยชน์ของมหาชนคนส่วนใหญ่” นพ.สมาน กล่าว
นพ.สมาน กล่าวต่อว่า นอกจากนี้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ใช่สินค้าปกติทั่วไป แต่เป็นสินค้าที่ทำให้คนไทยเกิดการเจ็บป่วย พิการ และเสียชีวิต เป็นอันดับ 1 มากกว่ายาเสพติดทุกชนิดรวมกัน ก่อให้เกิดผลกระทบและความเสียหายต่อตัวผู้ดื่มและผู้ที่ไม่ดื่ม พอกันทั้งเรื่องอุบัติเหตุจราจร อาชญากรรม ปล้น ข่มขืน ความรุนแรงในครอบครัว ปัญหาเศรษฐกิจและสังคมที่ตามมาอีกมากมาย ล่าสุดจากการวิจัยถือว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสารเสพติดที่รุนแรงมากกว่า ฝิ่น ยาอี รวมถึงบุหรี่หลายเท่า
ทั้งนี้ ที่มาของกฎหมายลูกฉบับนี้ มาจากผลศึกษาวิจัยที่พบว่าคนไทยซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ง่ายเกินไป โดยเฉพาะเด็ก-เยาวชนใช้เวลาเฉลี่ยในการซื้อเพียง 7 นาที ซื้อได้ง่ายกว่าหนังสือที่เป็นสิ่งประเทืองปัญญา และจากการสำรวจความเห็นประชาชนทั่วประเทศ พบว่าสถานที่อันดับ 1 ที่คนไทยอยากให้มีการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์คือทางเท้า ไหล่ทาง ถนน และคนส่วนใหญ่ทั่วประเทศกว่าร้อยละ 80 เห็นด้วยมากถึงมากที่สุด ในการออกกฎหมายให้มีการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนถนน ทางเท้า และไหล่ทาง มีผู้ไม่เห็นด้วยหรือเห็นด้วยน้อยมาก คือไม่ถึงร้อยละ 5 และแม้แต่ผู้นิยมการดื่มเอง เห็นด้วยในการห้าม แสดงให้เห็นว่ายังมีความห่วงใยสังคมในภาพรวม ไม่เห็นแก่ประโยชน์สุขส่วนตนมากกว่าส่วนรวม”
นพ.สมาน กล่าวต่อไปอีกว่า ร่างกฎหมายใหม่นี้ ห้ามแต่เพียงการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนถนน และเป็นการห้ามที่เท่าเทียมกันทั้งผับ บาร์ สถานประกอบการขนาดใหญ่ และรายย่อยอย่างเสมอภาค มิได้เลือกปฏิบัติแต่อย่างใด และไม่มีผลกระทบต่อการขายอาหารและเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพอื่นๆ อย่างแน่นอน
ที่มา : สำนักข่าวไทย