สธ.เปิดศูนย์เฝ้าระวังภัยฝุ่น

ที่มา :  กรุงเทพธุรกิจ


สธ.เปิดศูนย์เฝ้าระวังภัยฝุ่น thaihealth


แฟ้มภาพ


สธ.เปิดศูนย์ปฏิบัติการด้าน การแพทย์และสาธารณสุข เฝ้าระวังผลกระทบสุขภาพจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 แพทย์เตือนกลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคหอบหืด โรคหัวใจ ไม่ควรออกจากบ้านไปพื้นที่เสี่ยง วิกฤตสีแดง ส่วนการใช้ เอ็น 95 ต้องเข้าใช้ได้วันเดียวต้องทิ้ง


สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลทำให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เร่งหามาตรการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลประทบ ล่าสุดวานนี้(14ม.ค.) นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ได้มอบให้กรมควบคุมโรค กรมการแพทย์ กรมอนามัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามเฝ้าระวังผลกระทบสุขภาพและให้ความรู้ในการป้องกันตนเองจากสภาพอากาศที่มีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินมาตรฐานในพื้นที่กทม.และปริมณฑลอย่างต่อเนื่องตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม 2561


พร้อมกันนี้ได้ เปิดศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุขที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อติดตามเฝ้าระวังผลกระทบสุขภาพ ให้ความรู้ประชาชนและวิธีป้องกันตัวที่ถูกต้อง โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงได้แก่ ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคหอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด และประสานองค์กรปกครอง


ส่วนท้องถิ่นใช้มาตรการทางกฎหมายภายใต้พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.2535 รวมทั้งการเฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพในพื้นที่ กทม. ใน 2 กลุ่มโรค ได้แก่ โรคระบบทางเดินหายใจและโรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง กลุ่มโรคหัวใจและ หลอดเลือด มีการสื่อสารเตือนภัยให้ประชาชนทราบความเสี่ยงและป้องกันดูแลสุขภาพของตนเองได้


ด้านแพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ในการป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายกลางแจ้ง ในกลุ่มเสี่ยงได้แก่ ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ เด็กเล็ก ผู้ป่วยด้วยโรคประจำตัว เช่น โรคระบบทางเดินหายใจ หอบหืด ภูมิแพ้ โรคหัวใจ หากออกจากบ้านให้สวมหน้ากากป้องกันและสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอบ่อย หายใจลำบาก หายใจถี่ หายใจมีเสียงวี๊ด แน่นหน้าอก เจ็บหน้าอก ใจสั่น คลื่นไส้ เมื่อยล้าผิดปกติ หรือวิงเวียนศีรษะขอให้ไปพบแพทย์


นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจ และวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า ปัญหาคุณภาพอากาศเป็นสิ่งที่องค์การอนามัยโลกให้ความห่วงใย ในหลายประเทศ เนื่องจากส่งผลต่อคุณภาพชีวิต คนทั่วไปได้รับอากาศบริสุทธิ์น้อยลง ซึ่งค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เริ่มเป็นปัญหาในประเทศไทยมากขึ้น


โดยจะทำให้คนที่ มีโรคประจำตัว ระบบทางเดินหายใจ ได้รับผลกระทบมาก และคนที่มีโรคประจำตัว โรคหลอดเลือด และหัวใจ เสี่ยงได้รับอันตราย โดยคนที่ป่วยภูมิแพ้จะแสดงอาการได้อย่างเด่นชัด และอาจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคถุงลมโป่งพอง ไม่แพ้คนสูบบุหรี่ เพราะฝุ่นละอองขนาดเล็กลงไปถึงขั้วปอดนอกจากนี้ ฝุ่นละอองขนาด PM2.5 นี้ ยังส่งผลต่อ หญิงตั้งครรภ์ อาจได้รับ อันตรายได้ แม้ในทางวิชาการจะไม่ระบุยืนยัน ว่าอาจทำให้เกิดการแท้ง แต่ก็ไม่ควรออกไปรับฝุ่นละออง ในพื้นที่ที่มีการเตือนว่า เข้าข่ายสภาพอากาศวิกฤติสีแดง


นพ.นิธิพัฒน์ กล่าวว่า ภาวะฝุ่นละอองขนาดเล็กนี้ จะปรากฏชัดขึ้น เพราะสภาพอากาศ โดยพื้นที่ กทม.เป็นแอ่งกระทะ ขณะนี้มวลอากาศชื้น และอับ ทำให้ค่าฝุ่นละอองปรากฏสูงขึ้น เพราะฝุ่นละออง จะค่อยๆ ตกตะกอน ในช่วงค่ำพระอาทิตย์ตก ไปจนถึง ช่วงเช้า 04.00-07.00 น. และอากาศจะค่อยๆดีขึ้นในช่วงสาย ซึ่งเตือนคนที่ชอบออกกำลังกายตอนเช้า ขอให้งดในกลุ่มคนที่ชอบจัดกิจกรรมกลางแจ้ง เดิน วิ่ง ในพื้นที่ที่กรมควบคุมมวลพิษเตือน ว่ามี ฝุ่นละอองสูง


ขณะเดียวกันห่วง สถานการณ์ หน้ากากอนามัย ขาดตลาดและมีราคาแพง อยากแนะนำประชาชน ว่า หน้ากากอนามัย เอ็น 95 สามารถป้องกันฝุ่นละอองได้ แต่สามารถใช้ได้ครั้งเดียว และมีราคาแพง ฉะนั้น หากจำเป็นต้องเป็นในพื้นที่เสี่ยง ที่มีค่าฝุ่นละอองสูง ก็สามารถใช้หน้ากากอนามัยปกติ แต่สวม 2 ชั้น ขณะเดียวกัน ถ้าต้องการใช้หน้ากากแบบผ้า ก็แนะนำว่า เคยมีการทดลอง ใช้ ผ้าขาวม้า 4 ชั้น มาเย็ มีคุณภาพเทียบเท่าเอ็น 95 และสามารถใช้ได้บ่อย มากกว่า


นพ.นิธิพัฒน์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ รพ.รัฐ และมหาวิทยาลัย มีการให้เก็บข้อมูลเกี่ยวกับผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ คาดว่าจะค่อยๆปรากฏ ซึ่งในส่วนของรพ.ศิริราชก็เริ่มพบ ผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจ มากขึ้น ภายใน 2-3 สัปดาห์ ที่ผ่านมา


ด้านนางสาวจริยา เสนพงศ์ ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านพลังงานและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้ความเห็นว่าต้องแก้ปัญหาที่ต้นตอ 4 ส่วนคือ หนึ่ง ภาคพลังงาน การผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล สอง คือ เรื่องของภาคอุตสาหกรรม ในเรื่องการเผาไหม้ สามคือ การคมนาคมขนส่ง โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ และสี่ การเผาในที่โล่ง ทั้งสี่ข้อนี้คือต้นตอหลักๆ ที่ทำให้เกิดมลพิษ ดังนั้น ต้องอาศัยความร่วมมือกับหลายส่วนทั้งกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพลังงาน กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นไม่ใช่แค่กรมควบคุมมลพิษเพียงฝ่ายเดียว


ทั้งนี้ จากข้อมูลในเว็บไซต์ของกรีนพีช เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2562 ได้ระบุแนวทางการจัดการมลพิษทางอากาศในหลายประเทศที่มีการบังคับใช้อย่างจริงจัง อาทิกรุงปารีส ฝรั่งเศส รณรงค์ให้ประชาชนใช้ระบบขนส่งสาธารณะ ห้ามใช้รถยนต์ในย่านฌ็องเซลิเซ่ 1 ครั้ง ต่อเดือน และสนับสนุนการใช้จักรยาน


          สำหรับกรุงนิวเดลี อินเดียซึ่งเจอปัญหามลพิษมาแรงพอๆ กับจีนเดินหน้ารณรงค์กระตุ้นให้ผู้คนใช้ขนส่งสาธารณะอย่างรถตู้ อูเบอร์มากขึ้น รวมถึงมาตรการการจัดการมลพิษทางอากาศกับภาคอุตสาหกรรมและถ่านหิน


          ส่วนเกาหลีใต้รัฐบาลชุด มุน แจอิน อนุมัติให้ ปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินในเกาหลีใต้ 8 แห่งชั่วคราว 4 เดือน เพื่อลดมลพิษทางอากาศ และมีแผนการจะปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินโรงเก่าถาวรภายในเดือนพฤษภาคมปี 2563 ด้านเนเธอร์แลนด์เสนอห้ามการขายรถยนต์ดีเซล และใช้รถยนต์ไฟฟ้าแทน แต่ยังคงอนุโลมให้ประชาชนที่มีรถยนต์ดีเซลอยู่ก่อนแล้วสามารถใช้รถต่อไปได้ ในขณะที่หลายเมืองเช่นเมืองไฟรบวร์ค เยอรมนี, เมืองโคเปนเฮเกน เดนมาร์กและออสโล นอร์เวย์รณรงค์ให้ใช้จักรยานและรถโดยสารสาธารณะแทนรถยนต์ส่วนตัว

Shares:
QR Code :
QR Code