สธ.-กษ.คุมเข้มอาหารปลอดสารเคมี
รัฐมนตรีว่าการกระ ทรวงสาธารณสุข (สธ.) ประชุมร่วมกับ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) เพื่อหารือถึงเรื่องอุตสาหกรรมอาหารเพื่อการส่งออกดูแลควบคุม ไม่ให้มีการนำสารต้องห้ามมาใช้ หรือการใช้สารเคมีผิดวิธี ไปจนถึงห้ามนำเข้าสารเคมี
นพ.ประดิษฐ สิน ธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระ ทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) เพื่อหารือถึงเรื่องอุตสาหกรรมอาหารเพื่อการส่งออกว่ารัฐบาลมีข้อตกลงอย่างชัดเจนว่า โดยหลักการจะต้องคุ้มครองผู้บริโภคภายในประเทศก่อน เพราะฉะนั้นที่ประชุมจึงได้แบ่งมาตรการออกเป็น 2 ส่วน คือ
1.การดูแลตั้งแต่ต้นน้ำ ซึ่งจะมีกระทรวงเกษตรฯ ดูแลควบคุม ไม่ให้มีการนำสารต้องห้ามมาใช้ หรือการใช้สารเคมีผิดวิธี ไปจนถึงห้ามนำเข้าสารเคมี ส่วนกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ดู แลหามาตรการห้ามใช้สารบางประเภท เช่น สารเร่งเนื้อแดง
2.การดูแลปลายน้ำ โดย สธ.ออกมาตรฐานอาหารเพื่อการบริโภค โดยเบื้องต้นจะเน้น เรื่องของความปลอดภัยเป็นหลักส่วนมาตรฐานสูงสุดจะเพิ่มเรื่องความสวยงาม ซึ่งมาตรฐานแต่ ละระดับจะสะท้อนถึงต้นทุนการ ผลิตที่สูงขึ้น ทั้งนี้ หากทำได้จะ กลายเป็นภาพลักษณ์ของประ เทศ ว่ามีสินค้าได้มาตรฐานน่าเชื่อถือซึ่งเป็นลายลักษณ์อักษรที่กระทรวงพาณิชย์สามารถนำไปใช้ในการเจรจาส่งออกสินค้ากับต่างประเทศได้
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นว่าควรจะตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์ที่ดูแลเรื่องการส่งออกกระทรวง เกษตรฯ ในฐานะผู้ดูแลมาตร ฐานตั้งแต่ต้นน้ำ ส่วนกระทรวงสาธารณสุขดูแลมาตรการปลายน้ำ และกระทรวงอุตสาหกรรมในฐานะผู้ผลิตส่วนหนึ่ง ควรกำหนดมาตรฐานภายในประ เทศให้เป็นไปตามมาตรฐานของต่างประเทศให้ได้ ส่วนสิ่งที่แตกต่างกันอยู่ จะทำอย่างไรเพื่อเติมเต็มช่องว่าง เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคและสนับสนุนการส่งออก ซึ่งการตั้งคณะทำงานครั้ง นี้ถือเป็นจุดตั้งต้นของการทำ งานร่วมกัน เพื่อยกระดับการคุ้มครองผู้บริโภคภายในประเทศและสนับสนุนการส่งออก ต่อไปอาจจะมีความร่วมมือในเรื่องอื่นๆด้วย เช่น การคุ้มครองผู้บริโภคในเรื่องของโรคติดต่อที่เกิดจากสัตว์
ด้านนายยุคล ลิ้มแหลม ทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ใน หลักการที่เราต้องการคือความปลอดภัยด้านอาหาร โดยในเรื่องของสารเร่งเนื้อแดงที่ยังมีการใช้ผ่านมาตรฐานทั่วไป สำ หรับสารปนเปื้อนและสารพิษในอาหารของโคเด็กซ์นั้น อยู่ระ หว่างกรมปศุสัตว์กำลังทำการศึกษารายละเอียดของสารดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันประเทศไทยยังมีมาตรการห้ามใช้สารตัวนี้อยู่
ที่มา :หนังสือพิมพ์ ไทยโพสต์