สถิติป่วย’ซึมเศร้า’ทั่วโลกพุ่ง ฮู แนะสกัด ลดเหตุฆ่าตัวตาย
สธ. ชี้ โรคซึมเศร้าขยับขึ้นอันดับ 2 รองจากโรคหัวใจ กระทรวงสาธารณสุขเล็งขยาย รพ.จิตเวช รองรับผู้ป่วย เผยคนไทยเป็นโรคทางจิตแล้วกว่า 3 ล้านราย
เมื่อวันที่ 19 กันยายน นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังร่วมกับ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต รับมอบที่ดินบริจาคจาก นายบุญ ชาติพาณิชย์ จำนวน 47 ไร่ 3 งาน 67 ตารางวา ต.แก่งโสภา อ.วังทอง จ.พิษณุโลก เพื่อเป็นสถานที่ก่อสร้างโรงพยาบาลจิตเวชพิษณุโลก ว่า ในปี 2554 พบคนไทยขึ้นทะเบียนรักษาในโรงพยาบาลทั่วประเทศ รวมกว่า 3 ล้านราย ประมาณ 1 ใน 3 หรือประมาณ 1,090,000 ราย รักษาที่โรงพยาบาลจิตเวช 17 แห่งทั่วประเทศ และจำนวนผู้ป่วยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“คาดการณ์ว่าในปี 2570 สังคมไทยจะเปลี่ยนเป็นสภาพสังคมเมืองมากขึ้น พื้นที่ที่เป็นเขตปริมณฑลจะเป็นเขตเมืองอย่างสมบูรณ์ ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพจิตมากขึ้น เพราะสภาพความเป็นเมืองจะทำให้สังคมเปราะบางขึ้น เป็นสังคมต่างคนต่างอยู่ โดยภาคตะวันออก จะเป็นเขตเมืองมากกว่าภาคอื่นๆ ครอบครัวจะลดขนาดเหลือเป็นครอบครัวเดี่ยวที่มีพ่อ แม่ ลูก และหัวหน้าครอบครัวส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง” นพ. สุรวิทย์กล่าว และว่า โรคที่องค์การอนามัยโลกกำลังวิตกกังวลเพราะมีแนวโน้มสูงขึ้นทั่วโลกคือโรคซึมเศร้า คาดว่าจะมีความรุนแรงโดยขยับจากอันดับ 4 ในปี 2533 ขึ้นเป็นอันดับ 2 รองจากโรคหัวใจ และโรคนี้หากไม่เร่งป้องกันแก้ไขจะเป็นสาเหตุหลักของการฆ่าตัวตาย
นพ.สุรวิทย์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการบริการและแก้ไขปัญหาสุขภาพจิตของประชาชนในทุกพื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะในเขตภาคเหนือตอนล่างที่ยังไม่มีโรงพยาบาลจิตเวช ประชาชนในพื้นที่ที่ป่วยต้องเดินทางไปใช้บริการที่โรงพยาบาลจิตเวช จ.เชียงใหม่ นครสวรรค์ และ จ.ขอนแก่น ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก สธ.จึงมีนโยบายจะจัดสร้างโรงพยาบาลจิตเวชเพิ่ม 1 แห่ง ที่ จ.พิษณุโลก มีขนาด 200 เตียง ขณะนี้ได้พื้นที่ก่อสร้างและตั้งงบประมาณในปี 2556 จำนวน 360 ล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการในปี 2557 และทยอยเปิดบริการได้ภายใน 2-3 ปีนี้ เพื่อดูแลประชาชนใน จ.สุโขทัย พิษณุโลก ตาก อุตรดิตถ์ และ จ.เพชรบูรณ์
นพ.สุรวิทย์ กล่าวว่า ในแผนพัฒนาบริการด้านสุขภาพจิตแก่ประชาชน พ.ศ.2556-2559 สธ.จะขยายบริการส่งเสริมสุขภาพจิตแก่ประชาชนทุกกลุ่ม เช่น เด็ก สตรี วัยรุ่น ผู้สูงอายุ ถึงโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ตั้งเป้าพัฒนาเมื่อสิ้นปี 2559 ประชาชนไทยทุกวัยร้อยละ 70 จะมีสุขภาพจิตดี เด็กไทยร้อยละ 70 มีระดับความฉลาดทางสมองและความฉลาดทางอารมณ์ไม่ต่ำกว่ามาตรฐานสากล และอัตราฆ่าตัวตายไม่เกิน 6.5 คนต่อ 1 แสนประชากร ผู้ป่วยโรคจิตต้องเข้าถึงการรักษาไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน