สถานศึกษาต้นแบบ โรงเรียนอ่านสร้างสุข
ผลวิจัยชี้ชัด หลายปัญหารุมเร้าโรงเรียนไทย สสส.จับมือภาคีการศึกษา เดินหน้า อ่านสร้างสุขในโรงเรียนและสถานศึกษาปี 3 สร้างต้นแบบ-กลไกให้การอ่านพัฒนาครูและนักเรียน ยกระดับการศึกษาไทย
รศ.ดร.วิลาสินี อดุลยานนท์ ผู้อำนวยการสำนักรณรงค์สื่อสารสังคม สสส. กล่าวว่า สสส.ร่วมกับเครือข่ายเสียงประชาชน(we voice) สำรวจสถานการณ์ปัญหาในโรงเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาพบว่า สิ่งที่นักเรียนเห็นว่าเป็นปัญหาในโรงเรียนมากที่สุด คือ ทัศนคติ ความทุ่มเท และอารมณ์ของครู ร้อยละ 84.9 การติดเกม 84.2 เนื้อหาการเรียนมีปริมาณมากไป/ไม่น่าสนใจ ร้อยละ 83.9 ด้านผลสำรวจในกลุ่มครูมองว่าสิ่งที่เป็นปัญหามากที่สุดคือ ด้านโภชนาการ น้ำหนักมากเกิน ร้อยละ 93.3 การติดเกม ร้อยละ 92.5 และปัญหาน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ ร้อยละ 91.7
เมื่อวัดระดับความรุนแรงปัญหาในโรงเรียนจากความคิดเห็นทั้งครูและนักเรียนใน 3 อันดับแรกพบว่า ปัญหาความรู้ ความสามารถของครูเป็นสิ่งที่มีระดับความรุนแรงของปัญหามากที่สุด รองลงมาคือทัศนคติ ความทุ่มเท อารมณ์ของครู และสุดท้ายคือปัญหาความเพียงพอของอุปกรณ์ สื่อ การเรียนการสอน
ดร.วิลาสินี กล่าวว่า ปัญหาเหล่านี้เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คุณภาพการศึกษาและผู้เรียนไทยด้อยกว่าประเทศอื่น สสส. จึงร่วมกับ สพฐ. สำนักงานกศน. กระทรวงศึกษาธิการ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น และสำนักการศึกษากรุงเทพมหานคร เดินหน้าโครงการสถานศึกษาต้นแบบชุมชนอ่านสร้างสุข” ปี2557 ภายใต้แนวคิด “อ่านสร้างสุข” เพื่อสร้างกลไกและสิ่งแวดล้อมที่เอื้อให้การอ่านช่วยพัฒนาศักยภาพทั้งครูและนักเรียนในด้านวิชาการและสร้างทัศนคติในทางบวก โดยเป็นกลไกที่ผสานการมีส่วนร่วมทั้งครู นักเรียน บ้านและชุมชน ตลอด2 ปีที่ผ่านมาสร้างต้นแบบที่สามารถขยายผลได้มากกว่า 80 โรงเรียนทั่วประเทศ คาดปีนี้จะเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 60 แห่ง ตั้งเป้า 5 ปี เราจะมีโรงเรียนต้นแบบกว่า 200 แห่ง ทั่วประเทศเพื่อขยายแนวคิดนี้
“ผลการศึกษาของโครงการในปี 2555 -2556 พบว่า ครูและนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการมีทัศนคติที่ดีต่อการอ่านเพื่อพัฒนาศักยภาพ และยังเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษา ส่งผลให้การเรียนดีขึ้นอย่างชัดเจน สามารถลดปัญหาอ่านไม่ออก อ่านไม่คล่อง สามารถบูรณาการให้การอ่านเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนทุกวิชาได้ เกิดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านแนวใหม่จากความคิดของนักเรียนและครู สร้างบรรยากาศแห่งการเรียนรู้ ที่สำคัญคือทำให้การอ่านเป็นกลไกหนึ่งที่ขับเคลื่อนระบบสุขภาวะของชาติได้”
ด้านนางสุดใจ พรหมเกิด ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส.กล่าวว่า 2 ปี ของกลไกอ่านสร้างสุขในโรงเรียนสร้างปรากฏการณ์สำคัญคือ การจับมือระหว่างโรงเรียน บ้าน และชุมชน เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้ นักเรียนและบุคลากรทางการศึกษาที่เข้าร่วมโครงการมีทัศนคติที่ดีขึ้นในการพัฒนาคุณภาพการเรียน การสอน ขณะที่ท้องถิ่นเข้ามาสนับสนุนจนเกิดนโยบายยั่งยืนระดับพื้นที่ และเกิดฑูตการอ่านและยุวทูตการอ่านที่มีสำนึกสาธารณะ พัฒนาชุมชนด้วยการอ่านกว่า 1000 คนทั่วประเทศ
ที่มา: แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส.