สงกรานต์ดื่มไม่ขับสร้างจิตสำนึกลดสูญเสีย
ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด
ทุกๆ ช่วงเทศกาล อุบัติเหตุมักจะเป็นภัยที่ก่อให้เกิดช่วงเวลาแห่งการสูญเสีย เนื่องจากผู้คนเดินทางบนท้องถนนจำนวนมาก สิ่งนี้เองเป็นเหตุให้ ทุกหน่วยงานต่างพยายามรณรงค์หามาตรการต่างๆ มาช่วยกระตุ้นให้คนลดความประมาทเพื่อลดความสูญเสียลง
สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ(สคอ.) พร้อมด้วยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) จึงร่วมกันแถลงข่าว "ดื่มไม่ขับ กลับบ้านปลอดภัย" พื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้า สงกรานต์ ปี 2560 พร้อมเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณารณรงค์ "วันสุดท้าย" และมิวสิควิดีโอ "ขอได้ไหม นะ นะ นะ" เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางสื่อทุกแขนง เพื่อสร้างกระแสการกระตุ้นเตือนให้ขับขี่ปลอดภัยโดยไม่ต้องมีใครบาดเจ็บและสูญเสียในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้
ด้าน นพ.วีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ รองประธานคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ คนที่ 2 กล่าวว่า สสส.และภาคีเครือข่ายทำงานป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนมาตั้งแต่ปี 2546 ได้พัฒนามาตรการ นโยบาย และการรณรงค์สังคมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นมากขึ้นในปัจจุบัน โดยสนับสนุนการดำเนินงานในภาพรวม ไม่ได้ทำเฉพาะช่วงเทศกาลเท่านั้น แต่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่เป็นวันหยุดยาว มีการใช้รถใช้ถนนจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนมากกว่าช่วงเวลาปกติ สสส. จึงใช้เป็นวาระในการรณรงค์กระตุ้นเตือนสังคมเป็นพิเศษ
ข้อมูลจากศูนย์อำนวยการเพื่อความปลอดภัยทางถนน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2559 เกิดอุบัติเหตุทางถนน 3,447 ครั้ง เสียชีวิต 442 ราย บาดเจ็บ 3,656 ราย สาเหตุอันดับหนึ่งจากการเมาสุรา ร้อยละ 34.09 รองลงมาคือ ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 32.93 ผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บเป็นกลุ่ม วัยรุ่น อายุ 15-24 ปี สูงถึงร้อยละ 29.67 โดยวันที่เกิดอุบัติเหตุสูงมักอยู่ในช่วงวันเล่นน้ำสงกรานต์คือ วันที่ 13-15 เมษายน
"ช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ สสส.และภาคีเครือข่ายจัดทำแคมเปญรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนน ชื่อ "สงกรานต์ ดื่มไม่ขับ กลับบ้านปลอดภัย" โดยขอความร่วมมือผู้ใช้รถใช้ ถนนปฏิบัติตามข้อแนะนำเรื่องความปลอดภัยทางถนน 4 ข้อ คือ 1.ไม่ดื่มสุรา ทั้งก่อนและขณะขับรถ 2.ไม่เล่นน้ำบนท้ายกระบะรถยนต์ และขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ 3.ขับรถด้วยความเร็วตามกฎหมายกำหนด คือ 90 ก.ม./ช.ม. ในเขตนอกเมือง ในเขตเมืองใช้ความเร็วตามป้ายกำหนด และเขตชุมชนไม่เกิน 50 ก.ม./ช.ม. และ 4.คาดเข็มขัดนิรภัยทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร สวมหมวกนิรภัยทุกครั้งที่ขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ หากทุกคนปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดจะช่วยลดความ สูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนได้อย่างมาก" นพ.วีระพันธ์กล่าว
ด้าน นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย ผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือขององค์การอนามัยโลก ด้านการป้องกันการบาดเจ็บ กล่าวว่า สถานการณ์การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนของไทยยังอยู่ในภาวะวิกฤต แต่เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่คสช.เร่งรัดการออกกฎหมายสำคัญหลายฉบับ โดยใช้ ม.44 ทำให้มีกฎหมายที่ได้ตามมาตรฐานสากล เช่น การบังคับใช้เข็มขัดนิรภัยในผู้โดยสารตอนหลังในรถทุกประเภท ความปลอดภัยในการเดินทางด้วยรถตู้สาธารณะ การจำกัดความเร็วของรถในเขตเมือง รวมถึงการกำหนดระดับแอลกอฮอล์ในเลือดของผู้เอาประกันที่กรมธรรม์คุ้มครอง อย่างไรก็ตาม แม้มีกฎหมายมาควบคุมแล้ว แต่สิ่งสำคัญคือการบังคับใช้ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ในปีนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญการลดอุบัติเหตุทางถนน โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยระดมกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 88,442 นาย ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง โดยแบ่งการทำงานเป็น 2 ระยะ ในระยะแรกคือ ช่วงเตรียมความพร้อม ก่อนสงกรานต์ วันที่ 27 มี.ค.-10 เม.ย. เป็นการบังคับใช้กฎหมายแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อกระตุ้นเตือนให้ตระหนักถึงโอกาสที่จะถูกจับกุม ส่วนระยะที่สองคือ ช่วงควบคุมเข้มข้น 7 วันอันตราย วันที่ 11-17 เม.ย. จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดโดยไม่เลือกปฏิบัติ 1.ความผิด เกี่ยวกับการดื่ม และจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2.การคาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง
โดยเฉพาะรถโดยสารสาธารณะ 3.ยึดใบขับขี่ หรือเก็บรักษารถไว้เป็นการชั่วคราว กรณีการแข่งรถ ดื่มแล้วขับทำให้มีผู้บาดเจ็บหรือ เสียชีวิต 4.ฟ้องเพิ่มโทษกับผู้ขับขี่รถในขณะเมาสุราที่กระทำผิดซ้ำ 5.ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่ทุกรายที่เกิดอุบัติเหตุมีผู้บาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิต 6.สุ่มตรวจจุดเสี่ยง พฤติกรรมเสี่ยง ไม่ให้เล่นน้ำขณะรถเคลื่อนที่ ให้จอดรถเล่นน้ำ โดยให้เน้นหนักในช่วงวันที่ 13-15 เม.ย. ทั้งนี้ การกวดขันมาตรการทางกฎหมายดังกล่าวจะช่วยป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนลงได้
นอกจากนี้ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า(สคล.) และทาง สสส.ร่วมผลักดันให้เกิดโซนนิ่งพื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้าใน ช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา เกิดถนนตระกูลข้าวมากกว่า 50 แห่ง และพื้นที่เล่นน้ำถนนต่างๆ กว่า 100 แห่งทั่วประเทศ เป็นมาตรการที่ถูกนำเข้าไปเป็นนโยบายของศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน กระทรวงมหาดไทย โดยผลสำรวจความเห็นประชาชน เจ้าภาพผู้จัดงานจาก 10 พื้นที่ทั่วประเทศ ประชาชนร้อยละ 87.7 เห็นด้วยกับการจัดพื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้าปลอดภัย ร้อยละ 91.6 เห็นด้วยว่าจะช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุ
ทั้งนี้ สงกรานต์ที่จะถึงนี้น่าเป็นห่วงเนื่องจากภาคเอกชนหลายพันแห่งทั่วประเทศเตรียมจัดพื้นที่เล่นน้ำและมีการอัดโปรโมชั่นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เต็มที่ มีเยาวชนเข้าไป ในพื้นที่ดังกล่าวจำนวนมากและดื่มอย่างหนัก เห็นได้จากช่วงเวลาของการเกิดอุบัติเหตุ ตัวเลขการบาดเจ็บและเสียชีวิตเปลี่ยนจากช่วงค่ำไปเป็นช่วงหลังเที่ยงคืน ซึ่งสอดคล้องกับช่วงเวลาการเลิกงานของพื้นที่เล่นน้ำเอกชนเหล่านี้ ทั้งนี้ ขอวิงวอนภาคเอกชน ธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ร่วมแสดงความ รับผิดชอบต่อสังคม โดยใช้บทเรียนของการ จัดงานโซนนิ่งพื้นที่เล่นน้ำปลอดภัย สสส. สคล. ที่ทำมากว่า 10 ปีไปใช้เป็นแนวทางในการจัดงาน เพื่อให้ตัวเลขสถิติคนเจ็บตายและความสูญเสียไม่เพิ่มมากไปกว่าที่เป็นอยู่
ทุกๆ โครงการที่หลายหน่วยงานพยายามคิดจัดสรรขึ้นมานั้นก็เพื่อความมุ่งหวังว่าในแต่ละเทศกาลจะมีผู้สูญเสียน้อยลง แม้ยอด ผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บนั้นจะลดลง หรือเพิ่ม ขึ้นบ้าง แต่ทุกฝ่ายก็ยังเต็มใจร่วมกันรณรงค์ ให้ประชาชนลดความประมาท เพิ่มความปลอดภัยให้ตนเองอยู่ด้วยความหวังว่าความประมาทนั้นจะ ลดลง