ศูนย์เรียนรู้พระพุทธศาสนาวัดสุทธิวราราม

ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ภาพประกอบจากข่าวสด


ศูนย์เรียนรู้พระพุทธศาสนาวัดสุทธิวราราม thaihealth


ศีล 5 เปรียบเสมือนบทบัญญัติพื้นฐานทางพระพุทธศาสนา และการสร้างความสุขของบุคคล และสังคมอันมีจิตสำนึกแห่งความดีงาม ถือเป็นหลักการอยู่ร่วมกัน เพื่อให้สังคมเกิดความสงบสุข และยังสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนได้ ถือเป็นมรรควิธีและเป้าหมายของการพัฒนาชีวิตที่งดงาม และการจัดการเพื่อคุ้มครองชีวิตที่ดีร่วมกัน


เมื่อเร็วๆ นี้ พระมหาสุทิตย์ อาภากโร ผอ.สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ และเจ้าอาวาสวัดสุทธิวรารามวรวิหาร เป็นประธานจัดงานเปิดศูนย์การเรียนรู้พระพุทธศาสนากับการพัฒนาสังคม ที่วัดสุทธิวรารามวรวิหาร โดยมีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ มีตัวแทนจากองค์กรต่างๆ มาร่วมงาน อาทิ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายกองค์การนิสิตบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, พล.ท.วีระชัย อินทุโศภณ ผบ.หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน, นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส และ นพ.ชาญวิทย์ วสันต์ธนารัตน์ ผอ.สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)


มีหน่วยงานที่ร่วมจัดงาน และจัดแสดงความรู้ทางพระพุทธศาสนา ทั้งจาก สมาคมอนุรักษ์เอกสารโบราณ, สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ จิสด้า, กองทุนสนับ สนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น), หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ และสถาบันอาศรมศิลป์ฯ


ศูนย์เรียนรู้พระพุทธศาสนาวัดสุทธิวราราม thaihealth


เจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ กล่าวภายในงานว่า น่าชื่นใจที่ได้เห็นกิจกรรมหลายอย่าง ที่ทำให้โครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 เดินไปด้วยดี และประสบความสำเร็จสมความมุ่งหมาย ความจริงโครงการนี้ เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่า เป็นเรื่องธรรมดา เพราะว่า ศีล 5 มีกับบุคคลทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในศาสนาใด และถ้าหากว่าทุกคนทั่วสังฆมณฑล มีศีล 5 ด้วยกันแล้ว จะอยู่เย็นเป็นสุขแน่นอน และในโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 นั้นบอกว่า ให้ช่วยกันรักษาศีล 5 ประการหนึ่งให้ทำความดีถวายล้นเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ประการหนึ่งเพื่อประโยชน์สุขแห่งประชาชนและเพื่อสันติสุขของประเทศชาติ ซึ่งหมายถึงเราท่านทั้งหลายทุกคนนั้นเอง ซึ่งศีล 5 นั้น ถ้ามีแล้ว ทุกคนที่มีศีล มีสุข มีปรองดอง มีสมานฉันท์ มีสันติสุข มีสามัคคีธรรม แน่นอนเหลือเกิน


"ถ้าประชาชนของเราอยู่ในศีล 5 ถ้วนหน้ากัน ทุกคนก็จะมีความสุข บ้านเมืองก็อยู่เย็นเป็นสุข ไม่ทุกข์เดือดร้อน ท่านพระมหา สุทิตย์ เปิดโครงการศูนย์การเรียนรู้ เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้มีความรู้ไม่ว่าจะแขนงใด เป็นความรู้ที่เป็นประโยชน์ส่วนบุคคลทั้งนั้น แต่ว่าความรู้นั้นต้องคู่กับคุณธรรม ถ้ามีความรู้อย่างเดียวนั้นเป็นไปได้ยาก ต้องมีความประพฤติดีด้วย เหมือนดังที่พระพุทธเจ้า ทรงรับสั่งไว้ว่า ความรู้กับความประพฤตินั้น ถ้าหากไม่ทำทั้งสองอย่างด้วยความดี ก็เหมือนกระบือตาบอดที่เที่ยวไปในป่า คนไม่มีความรู้ก็เช่นนั้น ศาสนาจะสอนให้มีความรู้และความประพฤติดีด้วย ต้องเป็นสิ่งที่ควบคู่กันไป ถึงจะทำให้เอาตัวรอดได้" เจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ กล่าว


ด้าน พระมหาสุทิตย์กล่าวว่า ผลที่คาดว่าจะได้รับจากการทำโครงการนี้คือ ทำให้สังคมไทยหันมาฉุกคิดถึงปัญหา ความขัดแย้ง ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในช่วงหลายปีหลังที่ผ่านมา ที่สังคมเกิดความแตกแยกจากปัญหาการเมือง ศาสนา และสังคม ซึ่งศีล 5 เปรียบเสมือนหลักมนุษยธรรม ที่หากทุกคนปฏิบัติก็จะสามารถช่วยให้สังคมดีขึ้น ผู้คนไม่เบียดเบียนและสร้างความเดือดร้อนให้แก่กันเหมือนที่ผ่านมา และตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมาของการทำโครงการ ปรากฏว่าสถิติการก่ออาชญากรรมลดลงถึง 5% ในปีพ.ศ.2557 ถือเป็นผลทางอ้อมที่เกิดจากการทำโครงการนี้

Shares:
QR Code :
QR Code