ศูนย์มหาวชิราลงกรณ ปลื้ม สรพ. นำSHAช่วยผู้ป่วย
ศูนย์มหาวชิราลงกรณ ธัญบุรี เผยร่วมกับ สรพ.นำระบบการรักษาจิตใจ (sha) ผู้ป่วยโรคมะเร็งควบคู่การรักษาทางกาย ช่วยลดอาการหดหู่ ซึมเศร้า
นพ.ธนเดช สินธุเสก ผู้อำนวยการศูนย์มหาวชิราลงกรณ ธัญบุรี กล่าวว่า ศูนย์มหาวชิราลงกรณ ธัญบุรี มีหน้าที่ในการรับรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนผู้ป่วยที่นอนพักรักษาตัวภายในศูนย์ฯ รวมกว่า 100 คน และผู้ป่วยนอกอีกปีละไม่ต่ำกว่า 1,200 คน ความอันตรายของโรคมะเร็งนั้น เห็นได้จากสถิติการเสียชีวิตของคนไทยนั้น เกิดจากโรคมะเร็งสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งทุกๆ หนึ่งชั่วโมงจะมีผู้เสียชีวิตประมาณ 6 คน โดยสถิติปี 2551 พบว่า คนไทยป่วยเป็นโรคมะเร็งมากกว่า 120,000 คน และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี ทั้งโรคมะเร็งประเภทสามารถรักษาให้หายขาดได้ และบางประเภทก็ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ซึ่งในส่วนของผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ หรือแม้จะรักษาให้หายขาดได้นั้น ผู้ป่วยต้องต่อสู้กับอาการของโรคอย่างมากมาย สร้างความทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ป่วยเมื่อรู้ตัวเองว่าเป็นโรคมะเร็งก็จะเกิดอาการหดหู่ ซึมเศร้า เสียใจ และท้อถอย ไม่อยากมีชีวิตต่อไป
“แนวทางในการรักษาโรคมะเร็งนั้น นอกจากการใช้เทคโนโลยีและวิทยาการทางการแพทย์แล้ว ส่วนหนึ่งยังต้องอาศัยเรื่องของจิตใจและกำลังใจด้วย ดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นว่า ผู้ป่วยโรคมะเร็งจะรู้สึกหดหู่ ซึมเศร้า ซึ่งยิ่งทำให้การรักษาเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะจะทำให้โรคกำเริบมากขึ้นๆ แต่หากผู้ป่วยมีกำลังใจที่ดีก็สามารถต่อสู้กับโรคและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่รู้สึกเครียดหรือกังวลใดๆ ทั้งนี้ ศูนย์มหาวชิราลงกรณ ธัญบุรี ได้เข้าร่วมโครงการ “การสร้างเสริมสุขภาพผ่านกระบวนการคุณภาพเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) หรือ สรพ. และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ในการนำมิติด้านจิตใจมาใช้ในการให้บริการรักษาผู้ป่วย หรือที่เรียกว่า sha” นพ.ธนเดช กล่าว
ผู้อำนวยการศูนย์มหาวชิราลงกรณ กล่าวต่ออีกว่า ผู้ป่วยโรคมะเร็งบางรายสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่บางรายผลการรักษาไม่ดีนัก หมดวิธีการรักษาไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ซึ่งแม้ทางร่างกายเราจะช่วยได้ไม่มากนัก แต่ทางด้านจิตใจเราสามารถช่วยได้ โดยคนไข้ที่มีโอกาสรักษาหายขาด เราสามารถประเมินหรือชี้วัดได้ว่า เหลือเวลากี่เดือน กี่ปี หรือโอกาสกี่เปอร์เซ็นต์ที่ผู้ป่วยจะหายขาดจากโรค แต่ในกลุ่มผู้ป่วยที่หมดทางเยียวยา เราจะไม่ประเมินโอกาสของการหายขาดจากโรค แต่เราจะวัดด้วยคุณภาพชีวิต เพราะต้องยอมรับว่า ท้ายที่สุดแล้วผู้ป่วยจะต้องเสียชีวิต แต่สิ่งที่เราต้องทำคือ ทำอย่างไรก็ได้ให้ผู้ป่วยเสียชีวิตโดยมีความสุข ไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่มีความผิดปกติใด มีจิตใจที่ดีมีความสุข โดยเราจะทำทุกอย่างที่ผู้ป่วยร้องขอ แต่ก็ต้องอยู่ในขอบเขตที่เราจะกระทำได้ เพื่อให้ผู้ป่วยได้ปลดปล่อย ได้มีความสุขในสิ่งที่ตนเองต้องการ ก่อนเสียชีวิตไปอย่างสงบสุข
ในส่วนของการรักษาทางจิตใจนี้ ทางศูนย์มหาวชิราลงกรณ ธัญบุรี ได้มีกิจกรรมให้ผู้ป่วยเข้าร่วม เช่น กิจกรรมกลุ่มต่างๆ ศิลปะบำบัด ดนตรีบำบัด หรือที่กำลังจะนำเข้ามาเสริมการรักษาในส่วนนี้คือ สัตว์เลี้ยงบำบัด ซึ่งจะช่วยเบี่ยงเบนและทำให้ผู้ป่วยลืมปัญหา ทำให้ผู้ป่วยลดความวิตก ลดเศร้าซึม ส่งผลให้มีคุณภาพชีวิตและสุขภาพจิตที่ดี นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมเสริมตามที่ผู้ป่วยร้องขอ เช่น หากต้องการทำบุญตักบาตร ต้องการฟังพระเทศน์ เราก็จะนิมนต์พระสงฆ์มาให้ หรือกิจกรรม พิธีกรรมของศาสนาคริสต์ และอิสลาม เราก็สามารถจัดให้ได้ หรือหากผู้ป่วยต้องการลอยกระทงเราก็จะให้ผู้ป่วยได้ทำอย่างที่ร้องขอ ยินดีจัดหาให้ทุกอย่าง ซึ่งสิ่งเล็กๆ นี้จะทำให้คนไข้มีความสุข
“ภายหลังจากที่เรานำได้แนวทางของ sha มาใช้ในการรักษา เราไม่ได้วัดที่การอยู่รอดของผู้ป่วย แต่เราวัดด้วยคุณภาพชีวิตของคนไข้ที่ดีขึ้น คนไข้ไม่มีอาการแทรกซ้อน มีช่วงเวลาของการนอนที่มากขึ้น มีความสุขในการดำเนินชีวิต โดยที่ผู้ป่วยก็มีความสุข เราเองก็มีความสุข ซึ่ง ณ ตอนนี้ถือมีผลตอบรับที่ดีมากจากผู้ป่วย หรือญาติผู้ป่วยที่มีความพึงพอใจมากขึ้น ตรงนี้เราประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง” นพ.ธนเดช กล่าว
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
update : 22-12-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : ศิรินทิพย์ อิสาสะวิน