ศจย. ชวน อสม. เลิกบุหรี่ในวันอสม.

 

ศจย. ชวน อสม. เลิกบุหรี่ เริ่มต้นวันดี ในวันอสม.แห่งชาติ 20 มีนาคม 2555 หนุนรัฐให้จัดกิจกรรมช่วยเลิกบุหรี่ให้อสม. บวกกับขอแรงสนับสนุนจากครอบครัว และสังคม 

ศจย. ชวน อสม. เลิกบุหรี่ เริ่มต้นวันดี ในวันอสม.แห่งชาติ

ดร.ศิริวรรณ พิทยรังสฤษฏ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) กล่าวว่า ศจย. และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้สนับสนุนการวิจัยเรื่อง “การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการสูบบุหรี่อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) 5 จังหวัด” ว่า ปัจจุบันประเทศไทยมี อสม. กระจายในชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศจำนวนหลายแสนคน  โดย อสม. ถือว่ามีบทบาทในการเป็นผู้นำ การเผยแพร่ความรู้ ค่านิยมและพฤติกรรมการดูแลสุขภาพ คณะผู้วิจัยจึงได้ทำการวิจัยเพื่อนำไปสู่สนับสนุนให้ อสม. ลด ละ เลิกบุหรี่ ในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี ร้อยเอ็ด และยะลา  โดยพบว่า อสม. บางส่วนยังคงสูบบุหรี่  ซึ่ง อสม. ชาย ที่ยังมีพฤติกรรมการสูบบุหรี่ อยู่ที่ 25-66% ของ อสม. ชายทั้งหมด จึงนำไปสู่การทำโครงการเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อนำไปสู่การลด ละ เลิก

“เมื่อวิเคราะห์จากการทำโครงการเพื่อช่วยให้ อสม. ได้ลด ละ เลิกบุหรี่ พบว่า เหตุผลที่ อสม. สูบบุหรี่ เกิดจากความคิดว่า การสูบบุหรี่จะสามารถคลายเครียดได้ รองลงมาคือช่วยคลายความหงุดหงิด ไม่สบายใจ แก้เหงา บางส่วนระบุว่า เพื่อเข้าสังคม เคยชิน โดยกิจกรรมที่นำไปทำกับชุมชน จะเน้นในเรื่องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การให้ความรู้ การสร้างต้นแบบที่ดี และการส่งเสริมให้ครอบครัวเข้ามาสนับสนุนด้านกำลังใจให้แก่ผู้ต้องการเลิกบุหรี่ให้สำเร็จ ความห่วงใยต่อคนใกล้ชิด สิ่งสำคัญที่สุด คือ แรงสนับสนุนจากคนในครอบครัวโดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กเล็ก” ดร.ศิริวรรณ กล่าว
ดร.ศิริวรรณ กล่าวว่า สำหรับโครงการทำวิจัยเพื่อนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น ในพื้นที่ จ.พิษณุโลก ได้ทำโครงการวิจัยเรื่อง “การปรับพฤติกรรมสูบบุหรี่ในอาสาสมัครสาธารณสุขเพศชาย กรณีศึกษา : อำเภอเนินมะปราง” พบว่ากลุ่มตัวอย่างมีอัตราการสูบบุหรี่เกือบครึ่ง  ซึ่งหลังจากการทำโครงการ พบว่า อสม. ที่สามารถเลิกบุหรี่ได้ มีทั้งสิ้น 21 คน  หรือมากถึง 56.8% โดยมีแรงจูงใจเบื้องหลัง 5 ประการ ได้แก่  1) เป็นห่วงสุขภาพในระยะยาวที่เกิดจากการสูบบุหรี่อย่างต่อเนื่อง  2) มั่นใจในตนเองว่าสามารถเลิกบุหรี่ได้  3) ได้รับแรงผลักดันทางสังคมโดยกลุ่มสมาชิกด้วยกัน  4) ได้รับความเข้าใจและกำลังใจที่ดีจากครอบครัว  5) ได้รับการสนับสนุนทางสังคมโดยชุมชน 

“การทำกิจกรรมในพื้นที่ต่างๆ พบว่า แรงผลักดันที่สำคัญที่ทำให้สามารถเลิกบุหรี่ได้ คือ กลุ่มตัวอย่างทราบว่าจะทำให้สุขภาพไม่ดี และ บุคคลใกล้ชิดอยากให้เลิก ด้านกิจกรรมที่มีผลในการเลิกและลดบุหรี่ คือ การอบรม และการชมวีดิทัศน์ที่เป็นผลกระทบเกี่ยวกับการสูบบุหรี่ และเสริมแรงสนับสนุนจากครอบครัว และสังคม จึงจะนำไปสู่ความสำเร็จได้  แต่ในบางพื้นที่พบว่า กลุ่มตัวอย่างพยายามเลิกบุหรี่แต่ยังไม่สำเร็จ ซึ่งจำเป็นต้องมีกระบวนการเสริมเพื่อช่วยเลิกบุหรี่ด้วย” ดร.ศิริวรรณ กล่าว

 

 

ที่มา : สำนักข่าว สสส.

 

Shares:
QR Code :
QR Code