ว่าด้วยเรื่องโยเกิร์ต

ที่มา : สลิลา มหันต์เชิดชูวงศ์ www.greenery.org


ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ


ว่าด้วยเรื่องโยเกิร์ต thaihealth


นมเปรี้ยวเนื้อข้นหนืดนี้เป็นอาหารใกล้ตัวของหนุ่มสาวรักสุขภาพ เพราะเราต่างรู้กันดีว่าใน ‘โยเกิร์ต’ มีจุลินทรีย์ที่ดีต่อร่างกาย กินแล้วช่วยขับถ่าย ช่วยเรื่องผิวพรรณ โยเกิร์ตหลากหลายสูตรจึงผุดขึ้นมาในท้องตลาดให้เราเลือกสรรกันจนสับสน และเผลอลืมไปว่าโยเกิร์ตที่เห็นอวดบนฉลากว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้ อาจไม่ได้มีแค่ด้านดีเสมอไป


โยเกิร์ต เกิดจากอะไร


โยเกิร์ตถือว่าเป็นหนึ่งในของหมักดองประเภทหนึ่ง เพราะเกิดจากการเอา ‘น้ำนม’ จากสัตว์หรือพืชมาหมักด้วย ‘แบคทีเรีย’ กลุ่มที่ผลิตกรดแลกติก (Lactic Acid Bacteria : LAB) ซึ่งทำให้โยเกิร์ตมีลักษณะเฉพาะคือมีรสเปรี้ยว รวมทั้งทำให้โปรตีนในน้ำนมเสียสภาพและจับตัวตกตะกอนจนกลายเป็นเนื้อโยเกิร์ตที่มีลักษณะข้นหนืดนั่นเอง


ฟังดูเหมือนเป็นของที่บูดเน่า ไม่น่ากิน แต่ในการผลิตโยเกิร์ตจะต้องเอาน้ำนมไปผ่านกระบวนการทำลายจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคก่อน นั่นก็คือให้ความร้อนด้วยการพาสเจอร์ไรซ์ ซึ่งจะทำลายจุลินทรีย์ เช่น ยีสต์ รา และแบคทีเรียที่ไม่ทนร้อน ซึ่งอาจทำให้เราท้องเสียหรือเป็นโรคออกไป ก่อนจะใส่หัวเชื้อแบคทีเรียในกลุ่ม LAB ซึ่งไม่ทำให้เกิดโรคหรืออันตรายลงไป 2 ชนิด อันได้แก่ ‘แล็กโทบาซิลลัส บัลการิคัส’ และ ‘สเตรพโตค็อกคัส เทอร์โมฟิลัส’ แล้วบ่มที่อุณหภูมิ 42-45 องศาเซลเซียส เพื่อให้เชื้อแบคทีเรียเจริญเติบโตเป็นเวลา 4-7 ชั่วโมง


แบคทีเรีย 2 ชนิดนี้เอง คือกลุ่มของจุลินทรีย์ที่มีชีวิตและมีประโยชน์ต่อร่างกาย ที่เรารู้จักในนามว่า โพรไบโอติก (probiotic) ซึ่งถ้ากินในปริมาณที่พอเหมาะ มันจะเข้าไปอาศัยอยู่กับเราในระบบทางเดินอาหาร เป็นเสมือนผู้พิทักษ์คู่ผู้ต่อสู้และป้องกันไม่ให้เราติดเชื้อจากพวกแบคทีเรียที่ก่อโรคต่างๆ อย่างเช่นโรคท้องร่วง


ไม่แปลกใจถ้าคุณหมอจะแนะนำให้คนที่กินยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาโรค หันมากินโยเกิร์ตเยอะๆ เพราะยาปฏิชีวนะจะเข้าไปทำทำลายแบคทีเรียในระบบทางเดินอาหาร รวมทั้งแบคทีเรียผู้พิทักษ์ทั้งสองไปด้วย จนอาจทำให้ระบบทางเดินอาหารเสียสมดุล การกินโยเกิร์ตช่วยเราได้


สรุปว่า จุลินทรีย์ที่ดีในโยเกิร์ตนับเป็นข้อดีสำคัญที่ทำให้โยเกิร์ตเป็นที่นิยม และถูกผลิตออกวางขายมากมายหลายสูตรเกลื่อนตลาดในทุกวันนี้ ว่าแต่เราจะเลือกกินยังไงล่ะ


รู้จักโยเกิร์ตมากมายในท้องตลาด


โยเกิร์ตมากมายที่วางขาย มีรสชาติ กลิ่น และเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกันได้จากส่วนผสมที่แตกต่าง ตั้งแต่ ชนิดของน้ำนมที่ใช้ ซึ่งเป็นได้ทั้งนมจากสัตว์หรือพืช อัตราส่วนของเชื้อแบคทีเรีย 2 ชนิดที่ใส่ลงไป บางยี่ห้ออาจเติมแบคทีเรียชนิดอื่นที่ไม่เป็นอันตรายลงไปเพิ่ม หรืออาจเติมส่วนผสมอื่นลงไป ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ แยม ธัญพืช รวมไปถึงสารอิมัลซิไฟเออร์ สารที่ทำให้คงตัว สารปรุงแต่งกลิ่นรส และสีอีกด้วย


ถ้าแบ่งตามหน้าตาที่เห็น จะแบ่งโยเกิร์ตได้กว้างๆ เป็น 3 แบบ คือแบบกวน (stirred yogurt) เช่น โยเกิร์ตผลไม้ แบบคงตัว (set yogurt) เช่น โยเกิร์ตกรีก บัลแกเรีย และแบบพร้อมดื่ม (drink yogurt) ซึ่งเกิดจากกระบวนการผลิตที่ต่างกัน แต่ในที่นี้เราจะขอเล่าถึงโยเกิร์ต 2 ชนิดที่กำลังเป็นที่นิยมสุด ๆ ได้แก่


– โยเกิร์ตกรีก เกิดจากการกรองและคั้นเอาหางโยเกิร์ต น้ำ และแลกโตสออกไปจนเกือบหมด จนกลายเป็นเนื้อโยเกิร์ตที่เข้มข้นและแข็งตัว มีรสชาติเปรี้ยวฝาด โปรตีนสูง คาร์โบไฮเดรตต่ำมาก คุณประโยชน์แน่นแต่ก็ต้องระวังเพราะโยเกิร์ตกรีกมีไขมันมากกว่าโยเกิร์ตทั่วไปถึง 3 เท่า และบางครั้งก็อาจเข้มข้นด้วยการใส่สารทำให้คงตัว ไม่ใช่การกรอง ต้องอ่านดูส่วนผสมตรงฉลากให้ดี ๆ


– โยเกิร์ตบัลแกเรีย มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เพราะมักทำจากน้ำนมแกะ และเกิดจากการบ่มหมักแต่ไม่ผ่านการกวน ส่วนแบรนด์ที่ทำโยเกิร์ตประเภทนี้ขายในท้องตลาดนั้นบอกว่าเอาจุลินทรีย์พันธุ์แท้จากบัลแกเรียมาเป็นหัวเชื้อนั่นเอง


โยเกิร์ตแบบไหนที่ไม่ทำให้เราเกิด


ถึงจะบอกว่าเป็นโยเกิร์ตเข้มข้น โปรตีนแน่น หรือเป็นสูตรไขมัน 0% แต่สิ่งที่ต้องพึงระวังเป็นอย่างยิ่งคือปริมาณของน้ำตาลในโยเกิร์ต ซึ่งมักเกิดจากการปรุงแต่งเพิ่มลงไปให้มีรสชาติที่คนชอบ เราสามารถดูและเลือกได้จากฉลากข้อมูลโภชนาการด้านข้างถ้วย


จากการสำรวจของเรา สรุปแบบคร่าว ๆ ได้ว่า โยเกิร์ตที่บอกว่าไขมัน 0% อาจมีปริมาณน้ำตาลอยู่ที่ราว ๆ 5-8 กรัม ส่วนโยเกิร์ตรสธรรมชาติ จะมีปริมาณน้ำตาลอยู่ที่ 14-18 กรัม ขณะที่โยเกิร์ตรสผลไม้ จะมีปริมาณน้ำตาลราว 18-24 กรัมขึ้นไป ซึ่งข้อแนะนำเกี่ยวกับปริมาณน้ำตาลที่เราบริโภคในแต่ละวันนั้น ไม่ควรเกิน 6 ช้อนชา หรือ 24 กรัม โดยให้คำนึงถึงสุขภาพและโรคประจำตัวของแต่ละบุคคล หรือจะให้ดีคือ เราควรลดปริมาณน้ำตาลต่อวันให้น้อยที่สุดนั่นเอง


แจ้งเกิดด้วยโยเกิร์ต


นอกจากกินแล้วดีต่อร่างกาย โยเกิร์ตยังมีส่วนผสมที่มีคุณสมบัติเป็นครีมบำรุงผิวหน้าที่ใช้แทนมาส์กหน้าราคาแพงได้ด้วย ในอินเตอร์เน็ตก็มีสูตรมาส์กหน้าด้วยโยเกิร์ตมากมายให้ลอก ไม่ว่าจะผสมด้วยมะนาว น้ำผึ้ง หรือน้ำมันมะกอก แต่แนะนำว่าให้ใช้โยเกิร์ตสูตรธรรมชาติ


แต่ถ้าอยากแจ้งเกิดด้วยโยเกิร์ตได้จริง ๆ ขอให้เริ่มจากการทำความรู้จักก่อนกิน อ่านฉลากดูส่วนผสม และเลือกกินโยเกิร์ตให้ถูกต้องกับสุขภาพ โดยระวังทั้งปริมาณน้ำตาลและไขมัน ถ้าอยากกินให้ผอม ก็ต้องรู้ก่อนว่าเลือกกินยังไงแล้วจะผอม

Shares:
QR Code :
QR Code