วิธีแก้พิษแมงกะพรุนเบื้องต้น
ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า
แฟ้มภาพ
สธ.แนะโดนแมงกะพรุนพิษ รีบล้างน้ำส้มสายชูลดเสียชีวิต เตือนประชาชนควรสังเกตลักษณะอาการและวิธีรักษา เพื่อป้องกันอันตราย
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองปลัดกระทรวง สาธารณสุขและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เพื่อเป็นการป้องกันการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการโดนแมงกะพรุน ประชาชนจึงควรสังเกตลักษณะให้เข้าใจ โดยแมงกะพรุนกล่องจะมีลักษณะ โปร่งใส อาจมีสีฟ้าอ่อนหรือสีอื่นๆ โดยเฉพาะบริเวณสายหนวด รูปร่าง คล้ายลูกบาศก์ มีหนวดบางๆ 12-15 เส้นในแต่ละมุม มีทั้งหมด 4 มุม หนวดอาจยาวถึง 3 เมตร ซึ่งถุงพิษจะอยู่ที่สายหนวดหนึ่งตัว อาจมีถุงพิษถึงล้านถุง ทำให้แมงกะพรุนกล่องจัดเป็นสัตว์ทะเลที่มีพิษร้ายแรงที่สุด ซึ่งพิษของแมงกะพรุนกล่องมีฤทธิ์ 3 ด้าน คือ 1.ทำให้เซลล์ผิวหนังตาย 2.มีอาการปวดรุนแรง และ 3.หากได้รับพิษในปริมาณมาก และพิษเข้าสู่กระแสเลือดจะแล่นเข้าสู่หัวใจทำให้หัวใจหยุดเต้นและระบบหายใจล้มเหลว เสียชีวิตได้ใน 2-10 นาที
การสัมผัสสายหนวดแมงกะพรุนกล่องในครั้งแรกมักมีการยิงพิษเพียงร้อยละ 10-20 ของถุงพิษทั้งหมด หากช่วยเหลือผิดวิธี เช่นทำให้เกิดการกระเทือนบริเวณที่โดนสายหนวดแมงกะพรุน จะทำให้ถุงพิษที่เหลืออีกร้อยละ 80-90 ยิงพิษเข้าสู่ร่างกาย แต่การราดน้ำส้มสายชู มีผลในการระงับการยิงพิษเพิ่มเติมจากถุงพิษที่ยัง ไม่ได้ยิง ดังนั้นหากยังไม่ได้ราดน้ำส้มสายชูห้ามเอาทรายไปขัดถูบริเวณที่โดนแมงกะพรุน ห้ามดึงสายหนวดออก และห้ามราดด้วย น้ำจืดหรือประคบน้ำแข็งเพราะจะกระตุ้นให้เกิดการยิงพิษเพิ่มขึ้น
การช่วยเหลือที่ถูกวิธีจึงมีความสำคัญมากในการลดความรุนแรงของ การได้รับพิษ โดยราดด้วยน้ำส้มสายชูอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 30 วินาที ก็จะสามารถนำสายหนวดออกจากร่างกายได้โดยปลอดภัย แต่น้ำส้มสายชูไม่ได้ช่วยลดความปวด จึงต้องให้ยาลดปวดคู่กับการให้น้ำส้มสายชู เพื่อลดโอกาสการสัมผัสแมงกะพรุนพิษ เมื่อต้องลงน้ำทะเลควรสวมเสื้อผ้ามิดชิด เช่น แขนยาว ขายาวแนบลำตัว