วิถีชีวิตที่ดีขึ้นของผู้พิการวันนี้

 

วิถีชีวิตที่ดีขึ้นของผู้พิการวันนี้

 

 

หลายปีที่ผ่านมา บ้านเราได้มีการณรงค์เพื่อยกระดับ คุณภาพชีวิตของคนพิการ เพื่อให้พวกเขามีที่ยืนในสังคม และทำงานได้ตามศักยภาพ และประสิทธิภาพของร่างกาย

เพราะความพิการไม่ได้เป็นตัวปิดกั้นการเรียนรู้ และความพยายามก็ทำให้ความสำเร็จที่แม้จะดูเหมือนอยู่ปลายอุโมงค์ไม่ได้อยู่ไกลจนเกินเอื้อม

นอกจากนั้น หน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชนมากมายก็ตบเท้าขันอาสาเข้ามาเป็นตัวกลาง เป็นกลไกในการขับเคลื่อนกิจกรรมเพื่อเสริมศักยภาพของกลุ่มคนพิการ เพราะการฝึกฝนอบรมให้พวกเขา มีความรู้ และมีอาชีพติดตัวก็เป็นการลดปัญหา และลดภาระค่าใช้จ่าย ของสังคมที่จะต้องมาดูแลคนกลุ่มนี้

เหมือนกับกิจกรรมล่าสุดที่เกิดขึ้นโดยมีมูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ให้การดูแล ฝึกฝน อบรมและสร้างทักษะในการประกอบอาชีพให้กับคนพิการ กับภาคเอกชนอย่างบริษัทเซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด และสำนักงานสร้างเสริม กิจการเพื่อสังคมแห่งชาติ หรือ สกส. โดยการสนับสนุน และช่วยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์กิจกรรม รวมถึงข่าวต่างๆ จากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส.  พันธมิตรทั้งหมดได้มารวมตัวกันเพื่อร่วมกันลงนามบันทึก ความร่วมมือใน “โครงการขับเคลื่อนงานสร้างเสริมกิจการเพื่อสังคมด้านคุณภาพชีวิตคนพิการ” โดยนอกจากจะมีการจัดอบรมตามสายงาน ที่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย และศักยภาพของคนพิการแล้ว ยังเป็น การเปิดโลกใหม่ให้กับองค์กรเอกชน ในการรับคนพิการเข้าทำงาน เพื่อเพิ่มโอกาสทางสังคมให้กับพวกเขา

บาทหลวง ดร. พิชาญ ใจเสรี ประธานมูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการเล่าให้ฟังว่า มูลนิธิพระมหาไถ่ และ สกส. จะดำเนินการอบรมคนพิการในหลักสูตรดังกล่าวนี้ในช่วงระหว่างเดือนสิงหาคม 2555-2557 เพื่อให้กลุ่มคนพิการมีความพร้อมที่จะลงไปทำงานในสายอาชีพ การโรงแรม เบอเกอรี่ จำหน่ายสินค้า และศูนย์ไอที เป็นต้น โดยที่ผ่านมาทางมูลนิธิก็เป็นหน่วยงานที่ทำงานเพื่อการฝึกอบรมผู้พิการอยู่ก่อนแล้ว และมีนักเรียนสนใจสมัครเข้าหลักสูตรกว่า 200 คนต่อปี มีผู้พิการที่สำเร็จการศึกษาแล้วกว่า 3,000 คน กระจายกำลังลงทำงานในธุรกิจภาคส่วนต่างๆ ทั่วประเทศ

นอกจากฝึกอบรมแล้ว ที่ศูนย์จัดหางานคนพิการประมหาไถ่ เป็นศูนย์กลางให้คำแนะนำ และบริการแนะแนวทางอาชีพให้กับ คนพิการ ช่วยเตรียมความพร้อม สร้างความเข้าใจและมั่นใจให้ สถานประกอบการในการบอกรับคนพิการเข้าทำงานในองค์กร

“นักเรียนเกินครึ่งสนใจเรียนหลักสูตรการพัฒนาระบบสารสนเทศ ขณะที่หลักสูตรคอมพิวเตอร์และการจัดการธุรกิจภาคภาษาอังกฤษ ซึ่งโรงเรียนเป็นซับคอนแทรคให้กับภาคธุรกิจ เช่น ais ศูนย์ซ่อมสินค้า ของพาวเวอร์บาย เป็นต้น โดยที่จะเข้าเรียนหากเรียนหลักสูตรอิเล็กทรอนิกส์ ต้องจบ ป. 6 ส่วนหลักสูตร ด้านคอมพิวเตอร์ต้องเรียนจบ ม. 3 เปิดรับนักศึกษาทุก 6 เดือน โดยมีการสอบคัดเลือกเข้าเรียน ช่วง ต.ค.-เม.ย. ที่สำคัญ เมื่อเรียนจบไปแล้วมีงานทำแน่นอน”

ด้านนายมานพ เอี่ยมสะอาด ผู้จัดการศูนย์พัฒนาธุรกิจเพื่อสังคม มูลนิธิพระมหาไถ่ฯ กล่าวว่า เป็นที่น่าดีใจว่า ด้วยตัวเลขผู้พิการที่มีความประสงค์จะพัฒนาตนเอง ให้เป็นผู้ที่ทำประโยชน์ให้กับสังคม และองค์กรได้มีเพิ่มมากขึ้นทุกปี

จากตัวเลขที่เพิ่มมากขึ้น ก็แสดงให้เห็นว่า ผู้พิการในบ้านเรา กระตือรือร้นที่จะพัฒนาตนเอง โดยสมัครเข้าร่วมโครงการกันเป็นจำนวนมาก เป็นการลดภาระการดูแลสำหรับคนรอบข้าง และยังสามารถ สร้างความภาคภูมิใจให้กับคนกลุ่มนี้ รวมทั้งสร้างรายได้เล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้พวกเขาได้นำมาดูแลเรื่องการใช้จ่ายของตัวเองด้วย

นิติพงษ์ มัคคินทร จบหลักสูตรคอมพิวเตอร์และการจัดการธุรกิจ (ภาคภาษาอังกฤษ) ผู้พิการนั่งวีลแชร์ เนื่องจากโรคพิการกระดูกสันหลัง ตั้งแต่กำเนิด เล่าว่า ขณะนี้ ทำงานด้านไอที ในบริษัทแห่งหนึ่ง กว่า 1 เดือนแล้ว

“สำหรับผู้พิการที่คิดว่าตัวเองมีศักยภาพ สามารถทำงานได้ อย่าอยู่บ้านเฉยๆ เพราะไม่มีประโยชน์อะไรเลย เราควรหาความรู้ ฝึกฝนความสามารถในการประกอบอาชีพ หาเลี้ยงตนเองให้ได้  โดยไม่เป็นภาระของครอบครัว เพราะพ่อแม่ไม่ได้อยู่กับเราตลอดชีวิต ซึ่งหากเราสามารถพึ่งพิงตนเองได้ คนที่จะดีใจที่สุดก็คือพ่อแม่ เพราะท่านได้เห็นเราอยู่ได้ด้วยตัวเอง” เขากล่าว

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

Shares:
QR Code :
QR Code