วันเด็กปีนี้ หนูๆอยากได้อะไร
เสียงสะท้อนเล็กๆจากเด็กไทย
“รอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะ” นั่นคือคำขวัญวันเด็กในปี 54 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันได้ให้ไว้ เมื่อพูดถึงเด็ก หลายคนคงนึกถึงผ้าขาวบริสุทธิ์ เด็กทุกคนย่อมมีความฝัน มีจินตนาการด้วยกันแทบทั้งนั้น และถ้าหากบนโลกนี้มีพรสักหนึ่งประการให้คนทั้งโลกขออะไรก็ได้ในสิ่งที่ตนต้องการ เชื่อได้เลยว่าเด็กหลายคน อาจรวมไปถึงผู้ใหญ่อย่างเราๆ มักขอในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง เช่น อาจอยากเป็นคนรวย อยากได้ของเล่น อยากได้ขนมอร่อยๆ อยากเป็นคนดัง อยากไปสวนสนุก ห้างสรรพสินค้า ซึ่งสิ่งเหล่านั้นก็ไม่ถือว่าผิดหากพวกเขาไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร แต่เด็กบางคนอาจไม่คิดแบบนั้น แต่กลับมองไปถึงส่วนร่วม สิ่งที่พวกเขาขอจึงเป็นประโยชน์ต่อสังคม ต่อประเทศ ในแบบฉบับเด็กๆ
เรามาเริ่มที่คนแรกกันเลย “ด.ญ.เอราวัณ ศิริสาคร” อายุ 12 ปี นักเรียนโรงเรียนบ้านหนองจอกวังกำแพง จ.เพชรบูรณ์ บอกกับเราว่าหากโลกนี้มีพรหนึ่งข้อ อยากจะขอให้ประเทศเราไม่มีขยะเลยสักชิ้น และน้องยังบอกถึงสาเหตุที่ขอเช่นนี้อีกว่า ขยะสร้างความไม่สวยงามให้แก่โรงเรียน บ้าน และชุมชน อีกทั้งขยะนอกจากจะทำให้ไม่สวยแล้ว ยังส่งกลิ่นเหม็นรบกวนอีกด้วย
“ปกติแล้วเวลาเห็นขยะที่โรงเรียน หนูและเพื่อนๆ ก็มักจะช่วยกันเก็บไปทิ้งในถัง และจะบอกคนรอบๆข้างให้ทิ้งขยะให้เป็นที่เป็นทางอยู่เสมอ หนูอยากฝากถึงผู้ใหญ่ทุกๆ คนให้มาช่วยกันเก็บขยะแบบหนู หากทุกคนทำได้ โรงเรียน บ้านและที่อื่นๆ ก็จะไม่มีขยะและสวยงามน่ามอง นักท่องเที่ยวก็อยากจะมาเที่ยวบ้านเรามากขึ้น”
นั่นเป็นหนึ่งเสียงแรกที่สะท้อนให้เราเห็นถึงความต้องการในมุมองของเด็กที่ต้องการสร้างประโยชน์ต่อส่วนรวม ทำเอาผู้ใหญ่หลายคนที่ยังคงทิ้งขยะไม่เป็นที่เป็นทางถึงกับต้องเปลี่ยนพฤติกรรมกันเลยทีเดียว…
ต่อมาคือ “ด.ช.กิตติรณ ดิษฐบรรจง” อายุ 13 ปี นักเรียนโรงเรียนวัดเขมาภิรตาราม นนทบุรี บอกกับเราว่า วันเด็กในปีนี้ก็อยากจะขอให้มีการดูแลเรื่องของการศึกษาของเด็กไทยให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของการศึกษา และดูแลเด็กไทยให้ทั่วถึงทุกพื้นที่ ไม่ใช่เฉพาะเด็กในเมืองเพียงอย่างเดียวและส่งเสริมในเรื่องของการพัฒนาความสามารถมากยิ่งขึ้น
“การที่ขอเรื่องนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่ระบบการศึกษาไทยใช้อยู่นั้นไม่ดี แต่ปัจจุบันมีการปรับเปลี่ยนใช้หลักสูตรใหม่ภายในโรงเรียน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ในบางโรงเรียน บางพื้นที่อาจยังไม่พร้อมที่จะใช้ในหลักสูตรใหม่ จึงอยากให้มีการคิดทบทวนถึงข้อนี้ และในส่วนของการส่งเสริมพัฒนาความสามารถนั้น เด็กไทยทุกคนมีดีในแบบฉบับที่ต่างกัน หากผู้ใหญ่มีพื้นที่ให้พวกเขาได้แสดงออกและคอยสนับสนุน ผมเชื่อว่ามันอาจลดปัญหาที่เกิดจากเด็กและเยาชน อย่างติดเกม ยาเสพติดลงไปได้มาก”
เสียงสะท้อนนี้ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ที่เกี่ยวข้อง…
ลองมาฟังเสียงสุดท้าย นั่นคือ “ด.ช.ธีรศุตม์ คุ่อิ่ม” อายุ 14 ปี นักเรียนโรงเรียนวัดเขมาภิรตาราม นนทบุรี บอกกับเราว่า สิ่งที่ตนอยากได้ในวันเด็กปีนี้ คงไม่มีอะไรมากมาย คืออยากให้ประเทศไทยสงบสุข ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกันเองเหมือนที่ผ่านๆ มา ส่งผลให้เกิดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ทำให้ประเทศอื่นๆ มองว่าประเทศไทยเราไม่ดี ใช้ความรุนแรงตัดสินปัญหา…
“ตอนที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบนั้น ผมและครอบครัวกลัวมาก ไม่อยากออกจากบ้าน แต่ก็ต้องใช้ชีวิตปกติเพราะต้องไปโรงเรียน บางโรงเรียนต้องถูกสั่งปิดเพราะเกรงเกิดเหตุรุนแรง ผมสงสารเพื่อนๆกลัวจะเรียนไม่ทัน เพราะบางโรงเรียนก็ไม่ปิด ถ้าประเทศไทยเราสงบสุข ทุกคนก็มีความสุข ผมและเพื่อนๆก็ได้ไปโรงเรียน
“เมื่อผู้ใหญ่สอนให้เราไม่ใช้ความรุนแรงในการตัดสินปัญหาทุกอย่าง ผมก็อยากให้ผู้ใหญ่ทำให้ได้เหมือนที่เคยสอนพวกผมไว้เช่นนั้นเหมือนกัน เพราะครั้งเมื่อประเทศไทยเราสงบสุข ประเทศเราก็ถือเป็นประเทศหนึ่งที่น่าอยู่เลยที่เดียว”
ทั้งหมดนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของอนาคตของชาติกับความคิดที่มีประโยชน์ส่วนร่วม แทนที่จะคิดถึงแต่ตนเอง ถ้าเด็กทุกคนรวมไปถึงผู้ใหญ่ คิดได้เช่นเด็กทั้ง 3 คนนี้ ลองคิดดูว่าประเทศไทยเราจะน่าอยู่มากที่สุดขนาดไหน คงๆไม่ต้องบอกกันนะคะ…
เรื่องโดย : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่
Update:10-01-54
อัพเดทเนื้อหาโดย : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่