“วันณรงค์โรคถุงลมโป่งพองโลก”
ทั่วโลกป่วยกว่า 80 ล้านคน
โรคถุงลมโป่งพอง ถือได้ว่าเป็นปัญหาสาธารณสุขของประชากรโลก จากข้อมูลองค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปีพุทธศักราช 2548 มีผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพองทั่วโลก ประมาณ 80 ล้านคน มีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ ถึงประมาณปีละ 3 ล้านคนหรือเท่ากับเสียชีวิตนาทีละ 6 คน คาดว่าในปีพุทธศักราช 2563 จะมีผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพองเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 30 และจะทำให้โรคนี้เป็นสาเหตุการเสียชีวิตเป็นอันดับที่ 3 ของประชากรโลก
องค์การอนามัยโลก และองค์การโรคถุงลมโป่งพองแห่งโลก จึงได้ร่วมกันกำหนดให้วันพุธสัปดาห์ที่สองหรือสามของเดือนพฤศจิกายนทุกปี เป็น “วันรณรงค์โรคถุงลมโป่งพองโลก” มาตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2545 ซึ่งในปีนี้ กำหนดให้เป็นวันที่ 18 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2552
ในประเทศไทย สถานการณ์ของโรคถุงลมโป่งพองในปัจจุบันมีแนวโน้มสูงขึ้นตามลำดับ ประมาณการว่า ในจำนวนผู้สูบบุหรี่ 10 ล้านคน จะมีผู้ป่วยด้วยโรคถุงลมโป่งพอง 1 ล้านคน และผู้ป่วยจะต้องเสียชีวิตด้วยโรคนี้ประมาณปีละ 15,000 คน จึงถือได้ว่าโรคถุงลมโป่งพองเป็นปัญหาทางสาธารณสุขสำคัญของประเทศไทยอีกโรคหนึ่ง
โรคถุงลมโป่งพอง เป็นหนึ่งในอาการของ “โรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง” ซึ่งรวมเอา “โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง” และ “โรคถุงลมปอดโป่งพอง” เข้าไว้ด้วยกัน เนื่องจากโรคทั้งสองเกิดจากการหายใจเอาภาวะมลพิษในรูปของก๊าซหรือฝุ่น อย่างเช่นควันบุหรี่ และควันจากการเผาไหม้เข้าไป สารพิษจากควันดังกล่าว ทำให้เกิดการเสื่อมสภาพของเนื้อเยื่อปอดเกิดอาการอักเสบ และทำลายระบบทางเดินหายใจ
อาการที่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเป็นโรคถุงลมโป่งพอง ในขั้นต้นจะไม่ค่อยปรากฏมากนัก มีการไอเรื้อรังเพราะหลอดลมอักเสบ มีเสมหะมาก เป็นหวัดง่ายแต่หายยาก เจ็บคอ คออักเสบ หลอดลมอักเสบบ่อย ๆ ถ้าหากยังไม่หยุดสูบบุหรี่ ก็จะทำให้อาการรุนแรงมากขึ้น คือ เริ่มเหนื่อยและหอบมากขึ้น เวลาหายใจมีเสียงดังวี้ด ๆ หายใจลำบากเนื่องจากหลอดลมตีบขึ้น สังเกตดูหน้าอกจะบวมโป่ง ไม่ค่อยมีแรง เหนื่อยเร็ว อาการจะมีมากขึ้นตามการเสื่อมของถุงลมในปอด อาการขั้นรุนแรงที่สุด คือ ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ต้องนอนเฉย ๆ เท่านั้น ทำให้ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา เนื่องจากถุงลมใช้งานไม่ได้แล้ว
ต้องขอย้ำว่า ร้อยละ 90 ของสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคถุงลมโป่งพอง คือ การสูบบุหรี่ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เป็นความผิดปกติแต่กำเนิดที่เกิดจากการขาดเอ็นไซม์ ดังนั้น ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงส่วนใหญ่จะเป็นผู้ติดบุหรี่ และผู้ที่สูบบุหรี่มีโอกาสเป็นโรคถุงลมโป่งพองได้ทุกคน ต่างกันตรง ที่ช้าหรือเร็ว ที่ระยะเวลาของการสูบบุหรี่ และการตอบสนองของร่างกายต่อควันบุหรี่และพันธุกรรม
ยิ่งในปีนี้ เกิดการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ยิ่งควรเพิ่มความระมัดระวัง เนื่องจากผู้ป่วยโรคปอด ซึ่งรวมถึงโรคถุงลมโป่งพอง หอบหืด ถือว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยง หากติดเชื้อ สมรรถภาพในการทำงานของถุงลมจะยิ่งลดลง โอกาสที่จะทำให้เกิดอาการหัวใจล้มเหลวหรือปอดบวมนั้นสูงมาก จึงควรระมัดระวังตัวเองเป็นพิเศษ ควรอยู่ให้ห่างจากคนที่มีอาการไอ จาม เป็นไข้ ควรใช้หน้ากากอนามัย เลี่ยงสถานที่เสี่ยง ล้างมือให้สะอาด หรือพกเจลล้างมือติดตัวไป ด้วยเสมอ
สำหรับการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ก็นับว่ามีอันตรายมากเช่นกัน ดังนั้น ผู้ป่วยควรได้รับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลเป็นประจำทุกปีเพื่อเป็นการป้องกันด้วย
ในเรื่องวิธีการรักษานั้น ใคร่ขอเตือนว่า ปัจจุบันโรคถุงลมโป่งพอง เป็นโรคที่ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ สำหรับการรักษาที่ดีที่สุดในปัจจุบัน คือ การกิน และพ่นยา เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น และปอดถูกทำลายช้าลง อย่างไรก็ดี เราสามารถป้องกันโรคนี้ได้ โดยการไม่ริสูบบุหรี่ ถ้าเป็นเพียงช่วงเริ่มต้น ก็จงเลิกให้ได้ หลีกเลี่ยงการทำงานและการเข้าไปหรืออาศัย อยู่ในบริเวณที่มีควันพิษหรือในที่ที่มีผู้สูบบุหรี่
การดูแลที่จำเป็นอย่างยิ่งอีกอย่างหนึ่ง คือ ด้านโภชนาการ ต้องจัดการอย่างถูกต้องเหมาะสม ระวังอย่าให้ผู้ป่วยมีน้ำหนักมากหรือน้อยจนเกินไป จัดให้ผู้ป่วยได้พักผ่อนและบริหารร่างกายอย่างเพียงพอ เพื่อช่วยบำรุงรักษาสุขภาพให้แข็งแรงตลอดเวลา
เนื่องใน “วันรณรงค์โรคถุงลมโป่งพองโลก” ปี 2552 ตรงกับวันที่ 18 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2552 ซึ่งมีคำขวัญกำหนดไว้ว่า “หายใจลำบาก ยังมีโอกาสแก้ไข” มูลนิธิโรคหืดแห่งประเทศไทย และชมรมถุงลมโป่งพอง จัดงาน “วันรณรงค์ถุงลมโป่งพองโลก” ในวันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน 2552 เวลา 12.00-16.00 น. ณ ห้องคริสตัล ชั้น 2 โรงแรมตวันนา ถนนสุรวงศ์ เพื่อให้ผู้ไปร่วมงานทุกท่านได้รับความรู้ และความเข้าใจในโรคถุงลมโป่งพองมากยิ่งขึ้น ให้เห็นตระหนักถึงความจำเป็นในการดูแลสุขภาพ รู้จักและเข้าใจในโทษภัยของการสูบบุหรี่ ให้ผู้ป่วยและแพทย์ รวมทั้งผู้ที่สนใจ ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความคิดเห็นระหว่างกัน
สำหรับกิจกรรมที่น่าสนใจอื่น ๆ ภายในงาน ประกอบด้วยการอภิปรายเรื่องถุงลมโป่งพองกับพิษภัยบุหรี่ ไข้หวัด 2009 ในผู้ป่วยถุงลมโป่งพอง การให้บริการตรวจวัดความดัน การตรวจสมรรถภาพการทำงานของปอด วัดปริมาณน้ำตาลในกระแสเลือด ผู้ร่วมงานจะได้ รับคำปรึกษาอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบการหายใจ และยังมีเกมสร้างเสริมความรู้เกี่ยวกับโรคถุงลมโป่งพอง ให้ร่วมเล่นสนุก โดยผู้ร่วมแข่งขันเกมทุกท่านจะได้รับของที่ระลึกติดมือกลับ บ้านด้วย
จึงขอเรียนเชิญสมาชิกและผู้สนใจไปร่วมงานโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น โดยสามารถแจ้งความจำนงได้ที่โทร. 0-2617-0649 หรือ 08-6535-0872.ศาสตราจารย์ นายแพทย์สุชัย เจริญรัตนกุลประธานมูลนิธิโรคหืดแห่งประเทศไทย
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
Update: 16-11-52
อัพเดทเนื้อหาโดย: ณัฏฐ์ ตุ้มภู่