ล้างรถร่วมฯ ประจำทาง กันหวัดแพร่กระจาย
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ขอความร่วมมือผู้ประกอบการรถร่วมโดยสารประจำทาง ล้างทำความสะอาดเบาะที่นั่ง ราวขึ้นลงที่ประตูและบานพับประตู ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค และคืนกำไรสู่สังคม แนะผู้ป่วยไข้หวัดขณะโดยสารรถไปโรงพยาบาล ควรสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง และล้างมือด้วยเจลหลังขึ้นลงรถ
วันนี้ (24 กรกฎาคม 2552) นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังเยี่ยมชมการล้างทำความสะอาดรถบัส เพื่อรณรงค์ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่บริษัทพรีเมี่ยม แมนเนจเมนท์ จำกัด ที่อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการว่า ในวันนี้ได้มาตรวจเยี่ยมอู่รถร่วมของ ขสมก. ซึ่งมีประมาณ 400 คัน ซึ่งบริษัทแห่งนี้นับเป็นแบบอย่างที่ดี เนื่องจากได้ทำความสะอาดเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้โดยสาร
โดยพนักงานจะทำความสะอาดเบาะที่นั่ง ราวขึ้นลงที่ประตูและบานพับประตูวันละ 1 ครั้ง หลังจากนั้นก่อนที่รถจะออกให้บริการจะฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ ซึ่งรถทุกคันของบริษัทจะมีน้ำยาเจลล้างมือให้ผู้โดยสารกดทำความสะอาดขณะขึ้นลงรถ นับเป็นมาตรการหนึ่งที่ได้รับความร่วมมือจากบริษัทรถร่วม อย่างน้อยก็เป็นการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
แต่สิ่งที่กระทรวงสาธารณสุข เป็นห่วงมากคือ ผู้ที่ป่วยเป็นไข้หวัดหากจะโดยสารรถเพื่อเดินทางไปพบแพทย์ ควรจะสวมหน้ากากอนามัย และล้างมือด้วยเจลล้างมือในรถทุกครั้ง
นายมานิต กล่าวว่า ในส่วนของรถร่วมที่เป็นรถตู้ จะประสานงานอีกครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่เจ้าของจะมีประมาณ 2 – 3 คัน จะรวบรวมจำนวนจากแต่ละวินแต่ละคิวรถตู้ และจะขอความร่วมมือไปที่กรมการขนส่งทางบก ให้ช่วยรณรงค์ล้างทำความสะอาด เพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ
จากตัวอย่างการดำเนินงานของบริษัทรถร่วมในวันนี้ จะนำไปสู่รถอื่นต่อไป เช่น รถ บขส. ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการทำความสะอาด ไม่ว่าจะเป็นรถของหน่วยงานหรือรถของเอกชน เพราะรถสาธารณะเป็นจุดที่มีผู้โดยสารจำนวนมาก เมื่อเอกชนเริ่ม 1 รายแล้ว คิดว่าบริษัทอื่นคงทำตาม เพราะเป็นสิ่งที่ต้องคืนกำไรสู่สังคม ช่วงนี้การแพร่กระจายเชื้อมีมาก คงต้องได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ยังได้ให้คำแนะนำผู้ประกอบการรถโดยสารว่า หลังจากที่รถเข้าจอดที่อู่จอดรถทุกครั้ง ควรให้พนักงานใช้ผ้าชุบผงซักฟอกเช็ดทำความสะอาดเบาะที่นั่ง ราวขึ้นลงที่ประตูและบานพับประตูก่อน อาจจะเช็ดวันละหลายครั้งก็ได้ นายมานิต กล่าว
ที่มา: สำนักงานสารนิเทศและประชาสัมพันธ์ กระทรวงสาธารณสุข
Update 24-07-52
อัพเดทเนื้อหาโดย : กันทิมา ลีจันทึก