ลดอ้วนด้วยกาแฟ แน่ใจ … ลดได้จริงหรือ?
ยังไม่มีรายงานใดๆ ที่ออกมาบอกว่า ดื่มกาแฟ (กาแฟจริง ไม่มียาลดน้ำหนักผสม) แล้วลดน้ำหนักได้อย่างถาวร
“จริงไม่จริง ฉันไม่รู้ แต่ฉันเห็นพี่อรเขาหุ่นดีขึ้นทันตาเห็น เพียงกินกาแฟลดน้ำหนัก” เสียงเม้าส์จากเพื่อนรุ่นน้องของอรวี มีอิทธิพลมากพอที่จะโน้มน้าวให้สาวร่างอวบอ้วนทั้งหลายในออฟฟิศ คิดเชื่อถึงขั้นอยากลอง
หยุดก่อน! สาวน้อย สาวใหญ่ ผู้ใฝ่รักสวยรักงาม อย่าวู่วาม โปรดตั้งสติ คิดให้ดี ก่อนสตาร์ท ต้องฉลาดหาข้อมูลมาเสริมหนุนการตัดสินใจ หากเป็นไปได้ให้ถามผู้รู้ ต้องหูหนักเข้าไว้ อย่าหลงใหลคำอวดโม้ โมเม เกินจริง ยิ่งออกมาอวดอ้าง สร้างข้อมูลน่าเชื่อถือ มันคือกาแฟลดความอ้วน ขอชวนให้คิดต่อ พอกินไปสักพัก น้ำหนักลดจริง พอยิ่งกินนานเข้า เงินในกระเป๋าเริ่มหมด ความระทดระทวยตามมา เริ่มปวดศีรษะบ่อยๆ ใจลอย ใจสั่น มันบีบคั้นหัวใจ ขืนกินต่อไป ความตายอาจมาเยือน หมอเตือนเลยต้องหยุด ในที่สุดกลับมาอ้วนใหม่ กลับอ้วนใหญ่มากกว่าเดิม น้ำหนักเพิ่มเป็นพะโล้ มันคือโยโย่ เอฟเฟ็กต์ มันไม่ใช่เรื่องเล็กอีกต่อไป จะแก้ใหม่ ก็ไม่เป็นผล ต้องทนกล้ำกลืน ขมขื่นที่คิดผิด ขอให้ติดตามผมต่อ ขอบอกกล่าว เรื่องราวกาแฟลดน้ำหนัก ชักช้าอยู่ใย อ่านต่อไปได้เลย
ยังไม่มีรายงานใดๆ ที่ออกมาบอกว่า ดื่มกาแฟ (กาแฟจริง ไม่มียาลดน้ำหนักผสม) แล้วลดน้ำหนักได้อย่างถาวร เพราะลำพังตัวกาแฟจริงๆ จะมีสารคาเฟอีนผสมอยู่ สารคาเฟอีนจะออกฤทธิ์กระตุ้นหัวใจและระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้สมองที่ตื้อๆ เฉื่อยชา ตื่นตัวขึ้นมา เกิดความรู้สึกกระปรี้กระเปร่า สดชื่น ตาสว่าง ช่วยทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย มีผลต่อความทนในการใช้แรงงานและออกกำลังกาย
จะเป็นด้วยเหตุนี้กระมัง ที่ทำให้คนชอบดื่มกาแฟ ดื่มติดต่อกันจนกลายเป็นคนติดกาแฟ วันใดไม่ได้ดื่ม จะรู้สึกระวนกระวาย ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย หงุดหงิดได้ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้จัดสารคาเฟอีนเป็นสารเสพติด เพราะสามารถหยุดดื่มได้
สารคาเฟอีนที่อยู่ในกาแฟ เวลาดื่มเข้าไปภายใน 5 นาที มันจะแพร่กระจายไปทั่วร่างกายมีผลทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานมากขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์ ระบบหายใจทำงานเร็วขึ้น ระบบย่อยอาหารขับน้ำย่อย ที่เป็นกรดในกระเพาะอาหารมากขึ้น และระบบสูบฉีดโลหิตโดยเฉพาะบริเวณกล้ามเนื้อหัวใจบีบตัวแรงขึ้น
การนำเอาเหตุผลการดื่มกาแฟมีผลต่อการเผาผลาญร่างกาย แล้วจะทำให้ร่างกายผอม ลดน้ำหนักได้นั้น ไม่ใช่เรื่องถูกต้อง ทางวิชาการไม่ยอมรับ เพราะเราต้องดื่มในปริมาณที่มากๆ จึงจะเกิดผล แต่ผลเสียและอันตรายจะเกิดขึ้นก่อนผอม เรียกว่า “ตายก่อนที่จะสวย”
ส่วนกาแฟที่ออกมาอวดอ้างว่า กินแล้วลดน้ำหนักได้ กินแล้วผอม กินแล้วหุ่นเพรียว รู้ไหมว่า อย. เขาไล่ตะครุบตามจับจ้าละหวั่น แบบไล่จับปูใส่กระด้ง จับกันไม่หวาดไม่ไหว ทุกยี่ห้อล้วนเป็นการกล่าวอ้างเกินจริง เป็นการหลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อตามที่บอกไป กาแฟไม่มีคุณสมบัติในการลดน้ำหนัก และที่สำคัญกาแฟจัดเป็นอาหาร ไม่ใช่ยา จึงไม่มีสรรพคุณใดๆ ที่จะใช้ในการรักษาบำบัด ภาวะโภชนาการเกินหรือโรคอ้วนได้ พบการโฆษณากาแฟลดน้ำหนักที่ไหน โทรมาสายด่วน อย. 1556 ถ้าจับได้ ติดคุกหัวโต 3 ปี
กาแฟลดน้ำหนักที่ออกมาโอ้อวด โฆษณาตามวิทยุชุมชน เคเบิ้ลทีวี ทีวีดาวเทียม ที่เผยแพร่กันเกลื่อนขณะนี้ อย. ไล่ตามจับมาได้ ส่วนมากจะพบสารไซบูทรามีน ผสมอยู่ในกาแฟ ซึ่งใช้เป็นยาลดความอ้วน และจัดเป็นยาพิเศษต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์ และขายได้เฉพาะในสถานพยาบาลเท่านั้น หากกินสุ่มสี่สุ่มห้าอาจเป็นอันตรายเพราะมีผลข้างเคียงสูง ทำให้เกิดความดันโลหิตสูง หัวใจเต้นเร็ว ปากแห้ง ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ ท้องผูก ยื่นอันตรายหนักเข้าไปอีก ถ้าใช้กับผู้ที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือด หลอดเลือดสมองตีบ และความดันโลหิตสูง ซึ่งมักจะเป็นกับคนอ้วนซะด้วย
เมื่อคุณทราบข้อมูลกาแฟลดน้ำหนักแบบนี้แล้ว ยังจะดื้อดื่มต่อไปอีก ก็ไม่รู้จะเตือนอย่างไรแล้ว เรามาเริ่มต้นกันใหม่ในการลดน้ำหนัก โดยการหาวิธีลดให้ถูก ไม่มีผลร้ายต่อร่างกายเรา และได้ผลในระยะยาว ไม่กลับมาอ้วนอีก
มีอยู่วิธีเดียวเท่านั้นแหละ คือวิธีธรรมชาติ ผมหมายถึง การลดน้ำหนักให้ได้ผลต้องค้นหาต้นเหตุที่ทำให้อ้วน แล้วไปแก้ไขที่ต้นเหตุ ความอ้วนจะยุบหายไปเอง พูดง่ายแต่ทำยากมาก ผมรู้ แต่มันเป็นวิธีเดียวจริงๆ ที่ผม และผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำ ไม่ยากเกินกว่าที่คุณจะทำ
ต้นเหตุความอ้วน ล้วนมาจากการกินเกิน ไม่ยอมเดิน ไม่ยอมเคลื่อนไหว ไม่มีความเพียรออกกำลังกาย ข่มอารมณ์ไม่ได้ เห็นอะไรก็กินดะ กินไม่บันยะบันยัง เคยบอกให้ใช้หลัก 3 อ. ได้แก่ อาหาร กินเพื่อโภชนาการที่ดี มีโภชนาการสมวัย ไม่อ้วน ไม่ผอม ออกกำลังกาย เพื่อให้หัวใจ กล้ามเนื้อ กระดูก แข็งแรง อารมณ์ ควบคุมอารมณ์ ข่มใจไม่ให้กินเกิน กินดี กินเป็น เน้นบังคับใจให้ออกกำลังกายเป็นประจำ
พอใช้ไม่ได้ผล เพราะความอดทนมันขาด ได้โอกาสหาทางลัด เพื่อขจัดให้ทันใจ ดื่มเข้าไปกาแฟลดความอ้วน ขอทบทวนครั้งสุดท้าย ไม่อยากตายต้องหยุด ในที่สุดต้องใช้ 3 อ. ลดได้ปลอดภัยและยั่งยืน
ที่มา : หนังสือกินถูก สุขสง่า โดย สง่า ดามาพงษ์