ที่มา : เว็บไซต์ไทยรัฐ 

แฟ้มภาพ

อุตุฯภาคเหนือเตือนรับมือลมหนาวมาเยือนเร็ว จากผลกระทบฝนมาเร็วและไปเร็ว อาจส่งผลถึงปัญหาภัยแล้งยาวนาน ขณะที่ชลประทานเชียงใหม่สอดรับ หลังพบน้ำในเขื่อน บางแห่งมีไม่ถึงครึ่ง รอลุ้นมรสุมอีก 2-3 ลูกช่วยเติมน้ำให้พอใช้หน้าแล้ง

จากเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่มทับบ้านผู้อพยพศูนย์พักพิงชั่วคราวผู้ลี้ภัยจากการสู้รบบ้านแม่ละอูน ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน เมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา มีผู้สูญหาย 7 คน เจ้าหน้าที่ระดมค้นหาพบศพแล้ว 3 คน ยังไม่พบชะตากรรม 4 คน 

นายเรืองฤทธิ์ ผลดี ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า วันนี้มีการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยให้ยุติการค้นหาผู้สูญหายทางภาคพื้นดินจุดที่เกิดดินโคลนทับถมบ้าน เนื่องจากเหตุการณ์ผ่านมา 4 วัน ถ้าศพอยู่ใต้ซากไม้ ต้องได้กลิ่นศพ ส่วนการค้นหาทางน้ำให้ขยายไปอีก 48 ชั่วโมง เพราะจากการคาดการณ์น้ำป่าน่าจะซัดร่างผู้สูญหายไปกับสายน้ำแม่ยวมไหลลงน้ำเมย และแม่น้ำสาละวิน

นายเรืองฤทธิ์กล่าวอีกว่า ส่วนการฟื้นฟูช่วยเหลือผู้ประสบภัย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้กำหนดพื้นที่สร้างบ้านให้กับครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจำนวน 7 หลังคาเรือน และย้ายที่อยู่อีก 6 หลังคาเรือน เนื่องจากอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยจากดินโคลนถล่ม รวมทั้งหมด 13 หลังคาเรือน องค์กรเอกชนรับอาสาจัดหาวัสดุและใช้แรงงานภายในศูนย์ฯช่วยสร้างบ้านและขนย้ายข้าวของ สำหรับแผนแก้ไขปัญหาระยะยาวปภ.จ.แม่ฮ่องสอนจัดเจ้าหน้าที่อบรมสร้างความรู้ในการรับมือกับภัยพิบัติให้กับพื้นที่พักพิงเพื่อเตรียม พร้อมและลดความสูญเสีย

ด้านนายสิริรัฐ ชุมอุปการ ผวจ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ศูนย์บัญชาการช่วยเหลือเหตุดินถล่มศูนย์พักพิงฯบ้านแม่ละอูน ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย มอบภารกิจการบัญชาการเหตุการณ์ให้กับนายอำเภอสบเมยเป็นคนสั่งการและให้ยุติการค้นหาศพพื้นที่ภายในศูนย์พักพิงฯ แต่ยังคงออกค้นหาตามลำน้ำเมย โดยใช้เรือของกรมอุทยานแห่งชาติสาละวิน และเรือของกรมทหารพรานที่ 36 ส่วน ปภ.เขต 8, 9 และเขต 10 ที่ส่งกำลังพร้อมเครื่องจักรกลหนักมาสนับสนุนก็ได้ถอนกำลังออกจากพื้นที่แล้ว

ส่วนการค้นหาผู้สูญหายอีก 4 คนตามลำน้ำเมยตลอดทั้งวัน พ.อ.วุฒิ ปฐมเรืองกุล ผบ.ฉก.ทพ.ที่ 36 สั่งให้ชุดค้นหาทางน้ำหน่วย ฉก.ทพ.ที่ 36 ร่วมกับชุดเรือเร็ว อช.สาละวิน จัดเรือค้นหาผู้อพยพ ล่าสุดในช่วงบ่ายเจอศพเพิ่มอีก 1 ศพลอยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเมย ห่างจากบ้านสบเมยทางทิศใต้ประมาณ 200 เมตร ทราบชื่อนายซอเฮ่เกลอซู อายุ 28 ปี มีญาติเดินทางมายืนยันและรับศพไปประกอบพิธีทางศาสนาคริสต์และนำไปฝังในฝั่งประเทศเมียนมา ตรงข้ามบ้านสบเมย ขณะที่ปฏิบัติการทางน้ำในการ ค้นหาผู้สูญหายอีก 3 คน ยังคงล่องเรือไปตามแนวลำน้ำประมาณ 10 กม. ไปบรรจบกับแม่น้ำสาละวิน

ด้านนายเมธี มหายศนันท์ ผู้อำนวยการศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ เปิดเผยถึงสภาพอากาศในภาคเหนือว่า ปีนี้สถานการณ์พายุฝนในภาคเหนือมาเร็วและไปเร็ว ฝนที่มาเร็วและหมดเร็วก็จะส่งผลทำให้ลมหนาวมาเยือนเร็วช่วงประมาณเดือนพฤศจิกายน และจะกระทบสถานการณ์น้ำในเขื่อนต่างๆเหลือน้อย อาจเกิดปัญหาภัยแล้งยาวนาน จึงฝากเตือนประชาชนในภาคเหนือให้เตรียมรับมือภัยหนาวและภัยแล้งที่จะมาเร็วและยาวนาน

ขณะที่นายเจนศักดิ์ ลิมปิติ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ขณะนี้ชลประทานเชียงใหม่เตรียมรับสถานการณ์ภัยแล้ง โดยสำรวจน้ำในเขื่อนหลัก จ.เชียงใหม่ พบเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล อ.แม่แตง มีน้ำอยู่ 65 เปอร์เซ็นต์ หรือ 175 ล้านลูกบาศก์เมตร จากความจุ 265 ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนแม่กวงอุดมธารา อ.สันทราย มีน้ำ 42 เปอร์เซ็นต์ หรือ 105 ล้านลูกบาศก์เมตร จากความจุ 263 ล้านลูกบาศก์เมตร ทั้งสองเขื่อนยังคงมีน้ำไหลเข้ามาเติมอยู่ และยังมีมรสุมเข้ามาอีก 2-3 ลูก หากเขื่อนแม่งัดฯมีน้ำเพิ่มรวม 200 ล้านลูกบาศก์เมตร ก็ไม่มีปัญหา

ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องฝนหมดเร็วและอากาศจะหนาวเร็วและแล้งนานนั้น คาดว่าช่วง 2-3 วันนี้จะมีลมเย็นพัดเข้ามา ชลประทานได้เฝ้าติดตามสถานการณ์ตลอด โดยช่วงประมาณเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม จะมีการประเมินสถานการณ์กันอีกครั้ง หากถึงเดือนมกราคมน้ำในเขื่อนไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ก็จะประชุมชี้แจงเกษตรกรในการใช้น้ำอย่างไรให้ประหยัด

กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่าช่วงวันที่ 21-26 ก.ย. ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังผลกระทบจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมต่อเนื่อง อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และดินโคลนถล่ม ส่วนภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีปริมาณฝนลดลง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร