ร่างกายและจิตใจที่แข็งแรง เสริม Positive Thinking ให้กับชีวิต by กฤษดา สุโกศล แคลปป์ (น้อย Pru)
เรื่องโดย : วีรวรรณ ปิ่นดี Team Content www.thaihealth.or.th
สุขภาพร่างกาย เป็นพื้นฐานของการทำงานที่ดี สำหรับศิลปินนักร้อง สุขภาพเป็นเรื่องที่สำคัญสุด ๆ ไม่แพ้ความสามารถในการร้องเพลงหรือการแสดง เพราะต้องใช้ทั้งพลังงานและความทุ่มเท ไหนจะการฝึกซ้อม เดินสายขึ้นเวที หรือการรับมือกับความคาดหวังจากแฟนๆ ถ้าร่างกายหรือจิตใจไม่พร้อม อาจทำให้งานสะดุดได้ง่าย ๆ
ศิลปินที่เสียงดีส่วนใหญ่ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เพราะพวกเขาดูแลตัวเองอย่างดี ทั้งการออกกำลังกาย การกินอาหารที่มีประโยชน์ และที่สำคัญคือการพักผ่อนให้เพียงพอ เสียงร้องจะออกมาดีได้ ระบบทางเดินหายใจต้องฟิตเต็มร้อย และพลังงานต้องพร้อมเสมอ
บทความนี้จะพาไปดูวิธีการดูแลสุขภาพจิตใจและร่างกายของศิลปินนักร้อง ผู้มีสไตล์การเคลื่อนไหวบนเวทีที่ไม่เหมือนใคร ทั้งการเต้น การขยับร่างกาย และการถ่ายทอดอารมณ์ จนทำให้การแสดงของเขามีชีวิตชีวาและน่าจดจำ นั่นคือ น้อย กฤษดา สุโกศล แคลปป์ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ น้อย วงพรู แน่นอนว่าเขาไม่ได้มีดีด้านการร้องเพลงเพียงเท่านั้น แต่บทบาททางการแสดงก็โดดเด่นไม่แพ้กัน
หากใครติดตามผลงานการแสดงบนเวทีของน้อย จะรู้ว่าเขาเต็มที่กับโชว์ทุกเวที ทั้งการร้อง การเต้น ท่าปีน กระโดด จนมีท่าซิกเนเจอร์ที่แฟน ๆ เรียกว่า ท่านกกระเรียน จนหลายคนอาจเกิดความสงสัยว่า เอาพลังงานมากมายขนาดนั้นมาจากไหนในช่วงอายุเท่านี้และมากขึ้นทุกวัน
น้อยเล่าว่า เริ่มต้นเข้าวงการร้องเพลงตอนอายุ 31 ถ้าเทียบกับนักบอล 31 ถือว่าอายุมากแล้ว แต่พื้นฐานเป็นนักกีฬาตั้งแต่เด็ก เลยรู้สึกว่าตอนนั้นร่างกายของเรายังฟิตอยู่ แต่พออายุมากขึ้น จะไม่ฟิตเหมือนเมื่อก่อนจึงทำให้ตั้งใจดูแลตัวเองมากขึ้น
“การขึ้นเวทีคอนเสิร์ตใหญ่ที่ต้องเล่นเพลงถึง 20 เพลงในระยะเวลา 2 ชั่วโมง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย” น้อยกล่าว
“ขึ้นคอนเสิร์ตแต่ละทีผมจะทำให้เหมือนเตรียมตัวไปโอลิมปิก จะซ้อมวิ่งเยอะมาก เพราะรู้ดีว่าการร้องเพลงและเคลื่อนไหวร่างกายตลอดโชว์ต้องใช้พลังเยอะมาก ๆ ถ้าร่างกายไม่ฟิต จะไม่สามารถรับมือกับความเหนื่อยได้แน่ ๆ”
แม้ว่าหลายโชว์ในปัจจุบัน น้อยจะบอกกับแฟน ๆ ตลอดว่าอาจเต้นหรือใช้พลังเสียงได้ไม่เหมือนเมื่อก่อน แต่สิ่งที่แฟนเพลงตอบกลับมาคือ “ไม่เป็นไร เราแค่อยากมาดูการแสดงของพี่จริงๆ” นั่นทำให้น้อยต้องดูแลตัวให้พร้อม เพื่อทำทุกโชว์ให้ออกมาดีที่สุด คุ้มค่ากับความไว้วางใจของแฟนๆ ที่ยอมเสียเวลาและเงินมาดู เพราะสำหรับน้อยแล้ว ความเป็นมืออาชีพคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
ที่น่าทึ่งคือ พลังของเพลงและกำลังใจจากแฟนๆ มีผลอย่างมากต่อร่างกายและจิตใจของเขา บางครั้งแม้จะเหนื่อยจนแทบล้มลง แต่เมื่อได้ยินเสียงเชียร์ ร่างกายของเขาก็เหมือนถูกเติมพลังขึ้นมาเอง ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่า ไม่เพียงแต่ร่างกายที่ต้องแข็งแรง แต่สิ่งแวดล้อมรอบตัวก็สำคัญมากเช่นกัน
นอกจากเป็นนักร้องแล้ว เขายังเป็นนักแสดงที่ได้รับบทบาทที่ค่อนข้างหนัก และเครียด ซึ่งน้อยสามารถที่จะจัดการกับอารมณ์ของตนเองได้เป็นอย่างดี
“สำหรับผม การแสดงคือสิ่งที่ผมรัก มันเหมือนการได้ไปหาหมอที่ช่วยเยียวยาจิตใจเลย เพราะทุกครั้งที่ผมแสดง ผมได้ปลดปล่อยอารมณ์และความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในตัวออกมา เราทุกคนล้วนมีด้านมืดในตัว แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อยากให้ความสว่างในตัวทุกคนมีมากกว่าเช่นกันครับ”
“ในฐานะนักแสดง ผมรู้สึกโชคดีที่ได้มีพื้นที่ให้แสดงออกผ่านตัวละคร อย่างในภาพยนต์ ขุนพันธ์ หรือ อันธพาล ซึ่งเปิดโอกาสให้ผมปล่อยความเศร้าและอารมณ์ด้านมืดลึกๆ ออกมา แต่ท้ายที่สุด ผมรู้ว่าทั้งหมดนั้นเป็นเพียงช่วงเวลาหนึ่งของการแสดง พอทุกอย่างจบลงผมแค่ต้องเดินออกจากความรู้สึกเหล่านั้นโดยไม่แบกมันกลับมา” น้อยกล่าว
ฟังแบบนี้เราเลยอยากรู้ว่า น้อยมีวิธีการอย่างไร ที่ทำให้ตัวเองมี Positive thinking
น้อยเผยว่า “ผมไม่ได้เป็นคนคิดบวกตลอดเวลานะครับ แต่ผมใช้ความกลัวและแง่ลบของตัวเองเป็นแรงผลักดันเพื่อสร้างสิ่งดี ๆ เท่านั้น ผมจึงอยากให้พื้นที่ในโลกออนไลน์ของผมเป็นมุมเล็ก ๆ ที่ส่งต่อสิ่งดี ๆ แม้บางคนจะบอกว่าการโพสต์แต่เรื่อง Positive “สวยงามเหลือเกิน” “Positive เหลือเกิน” “โลกนี้มันเฟะจะตาย” ผมก็คิดนะว่า “ก็ใช่สิ มันก็ต้องเป็นแบบนั้น” ผมไม่ใช่ศิลปินที่จะมาโพสต์ว่าความทุกข์ของผมเป็นยังไง เพราะผมก็มีความเศร้ามากพออยู่แล้ว ขอโพสต์อะไรที่มัน Positive ดีกว่า เพื่อให้ได้เรียนรู้อะไรบางอย่างเพียงเล็กน้อย”
น้อยเล่าต่อว่า “ผมว่าโลกใบนี้ และโลกบนโซเชียลมันน่ากลัวเหลือเกิน ความ Negative การจิกกัดกัน การรังแกกัน บนโลกออนไลน์ มันเยอะมากพอแล้ว แม้แต่บางทีสิ่งที่ผมโพสต์มันอาจจะดูน่ารักเหลือเกิน ดูดีเหลือเกิน แต่มันคือความจริงเสมอครับ และนั่นมันคือสไตล์ของผม” น้อยเล่าพร้อมเสียงหัวเราะ
สุดท้ายนี้น้อยมีประสบการณ์ที่อยากจะแชร์ เพื่อบอกทุกคนว่าอย่าใช้ชีวิตอยู่บนความประมาท “คอนเสิร์ตของวงพรูที่ผ่านมา ผมทุ่มสุดตัว ทั้งร้องทั้งวิ่งเต็มที่ด้วยพลังที่มีอยู่อย่างมหาศาล จนถึงแอคชั่นสุดท้ายที่เป็นท่าซิกเนเจอร์ของผม ผมทำท่านกกระเรียนกระโดดลงมาจากที่สูง นั่นแหละครับทำให้ผมข้อเท้าเอ็นฉีก กระดูกแตกต้องใส่เฝือก 4 เดือนเต็ม ทั้งที่เริ่มต้นมาอย่างฟิตสุด ๆ”
“เหตุการณ์นี้ได้สอนผมว่า ชีวิตคาดเดาไม่ได้ และการฟื้นตัวไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ร่างกาย แต่จิตใจที่แข็งแกร่งก็สำคัญมาก อย่างนักกีฬาระดับโลกไม่ได้มีเพียงร่างกายที่แข็งแรง แต่พวกเขาต้องมีจิตใจที่พร้อมจะสู้จนไปถึงเป้าหมายสูงสุด เพราะฉะนั้นการดูแลทั้งสุขภาพกายและใจ รวมถึงการคิดบวก คือสิ่งสำคัญที่จะพาเราไปต่อได้ไกลในชีวิตจริงครับ”
สสส. สนับสนุนให้คนไทยหันมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ และปฏิบัติตัวรับชีวิตวิถีใหม่ เพื่อสุขภาวะที่ดี ทั้งกาย จิต ปัญญา สังคม