ร่วมสร้างพื้นที่รอยยิ้มของอำเภอแว้ง
หากชวนใครสักคนล่องใต้ สู่ดินแดนปลายด้ามขวาน ยะลา นราฯ ปัตตานี เขาคนนั้นคงคิดทบทวนอยู่หลายตลบ เพราะข่าวคราวความรุนแรงที่มีให้เห็นในสื่อหลักแขนงต่างๆ น่ากลัวน้อยซะที่ไหน แต่หากตั้งจิตมั่นสักนิด แล้วค่อยๆ มองลึกฝ่ากลุ่มควันของระเบิดเข้าไป เขาคนนั้นจะเห็นถึงความสวยงามของวัฒนธรรม และธรรมชาติ และหากฟังลึกทะลุกัมปนาทปืนเข้าไป เราจะได้ยินเสียงหัวเราะ
ในฐานะบุคคลหนึ่งที่มีถิ่นฐานอยู่ในจังหวัดนราธิวาส แม้จะมาตั้งหลักหาเลี้ยงชีพยังเมืองหลวง แต่ก็เดินทางไปร่วมกิจกรรมในพื้นที่บ่อยครั้ง เมื่อถูกถามว่า “ไม่กลัวหรือ?” ผมมักตอบกลับ เป็นเชิงชักชวนให้ลงไปเที่ยวด้วยกัน เหมือนดั่ง ซัม – นูรฮีซาม บินมามุ ประธานกลุ่ม ‘ยังยิ้ม – Youth Smile’ อ.แว้ง จ.นราธิวาส ทำเสมอ เมื่อเดินทางไปร่วมกิจกรรมสร้างสรรค์ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วไทย
ไม้งาม น้ำตก นกเงือก
แว้ง เป็นอำเภอที่สวยงาม มีเรื่องเล่าเก่าๆ ทรัพยากรที่มีคุณค่า ดั่งคำขวัญที่ว่า ‘ไม้งาม น้ำตก นกเงือก’ ขอพูดถึง ไม้งาม ก่อน ก็คือ ป่าฮาลา – บาลา ซึ่งเป็นป่าดิบชื้น ที่สมบูรณ์มากๆ มีสัตว์ป่านานาชนิดอาศัย แต่ที่เด่นๆ คือ นกเงือก ที่นี่สามารถเข้าไปศึกษาเรียนรู้ได้ เพราะในส่วนการเรียนรู้มีถึง 3 สถานีด้วยกัน คือ หนึ่ง. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ฮาลา – บาลา สอง. สถานีวิจัยนกเงือก และสาม. สถานีเพาะพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ ซึ่งมีหลากหลายชนิด ที่เด่นๆ ก็คือ ดอกดาหลา ทุกๆ ปีงานพืชสวนโลก ที่เชียงใหม่ จะลงมาเก็บดอกดาหลาที่นี่ไปจัดแสดง
น้ำตก ก็คือ น้ำตกสิรินธร ซึ่งสวยงามมาก นอกจากนี้ ยังมีอีกที่หนึ่งนะ ชื่อ ‘น้ำตกสายรุ้ง’ ซึ่งอยู่ลึก ชาวบ้านเรียกว่า ‘ลาตอ ดือบู’ ภาษามลายู ‘ดือบู’ แปลว่า ‘ฝุ่นละออง’ พอน้ำตกตกกระทบแผ่นหินจะเกิดเป็นละอองฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ
สุดท้าย นกเงือก ที่นี่มีนกเงือกอาศัยอยู่ ถึง 11 ชนิด จาก 13 สายพันธุ์ในไทย บางคนไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องให้ความสำคัญกับนกเงือก ทำไปเพื่ออะไร แต่จริงๆ แล้ว นกเงือกเป็นตัวชี้วัดความสมบูรณ์ของป่าไม้ เพราะถ้าป่าไหนมีนกเงือกแสดงว่าต้องอุดมสมบูรณ์ ไม่ใช่แค่อุดมสมบูรณ์แต่ต้องอุดมสมบูรณ์มากๆ
นอกจากนี้หากมีเวลาว่างซัมจะต้องสะพายกล้อง พกสมุดบันทึกเข้าป่าฮาลา – บาลา เพื่อจดสิ่งที่ได้เรียนรู้ และถ่ายภาพนกเงือกเก็บไว้เสมอ และทุกครั้งที่มีโอกาส เขามักอาสาเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อสังคมกับกลุ่มต่างๆ เป็นประจำ นอกจากนี้พื้นที่หลังบ้านยังเป็นสถานที่รวมกลุ่มทำกิจกรรมต่างๆ ของเยาวชนอีกด้วย เพราะอยู่ใกล้สนามกีฬา ซึ่งเด็กๆ สามารถเข้ามานั่งอ่านหนังสือ หรือวาดภาพ เล่นดนตรีได้
วันหนึ่ง ซัมเอ่ยถามเด็กๆ ว่า “รู้ไหมคำขวัญของแว้งคืออะไร?” – “ไปฮาลา – บาลา ทำอะไรบ้าง” คำตอบที่ได้ คือ ไม่รู้ และไปเล่นน้ำตกแล้วก็กลับ
ปลายปีที่แล้ว ผมไปส่งท้ายปีเก่าที่ป่าฮาลา-บาลา นั่งดูดาวตรงจุดชมวิวเพลินๆ จู่ๆ เกิดไอเดียขึ้นมาว่า ต้องทำอะไรสักอย่างให้กับบ้านเราแล้วละ จึงได้รวมกลุ่มน้องๆ มาทำกิจกรรม
ยังยิ้ม
หลังคืนที่ดาวเต็มฟ้า พร่างพรมอยู่เหนือผืนป่าฮาลา – บาลา อันอุดมสมบูรณ์ (มากๆ) ซัมได้นำความคิดไปปรึกษารุ่นพี่ (วีรวรรณ กังวานนวกุล) จากกลุ่มเครือข่ายพื้นที่นี้ดีจัง ภายใต้การดูแลของ สถาบันสื่อเด็กและเยาวชน (สสย.) กระทั่งเกิดเป็นกลุ่ม ‘ยังยิ้ม – Youth Smile’ ขึ้นมา
“ยังยิ้ม มองได้ 2 ประเด็น ‘ยัง’ ตัวแรก มาจาก Young ซึ่งหมายถึงเยาวชน คนหนุ่มสาว ที่มีรอยยิ้ม มีความสุข ส่วน ‘ยัง’ ตัวที่ 2 มาจากประเด็นที่เราอยู่ในจังหวัดนราธิวาส ใครๆ มองว่าน่ากลัว แต่อย่างไรก็ตาม เรายังยิ้มได้” ซัมกล่าว
รูปแบบของกลุ่ม เน้นงานด้านศิลปะ เพื่อเสริมสร้างสำนึกรักบ้านเกิดให้กับเยาวชน และสามารถนำเรื่องราวดีๆ ไปบอกต่อได้ เสมือนการสร้างพนักงานขายขึ้นมา 1 กลุ่ม ผมพยายามบอกกับเด็กๆ ว่า ให้เปรียบ อ.แว้ง เป็นสินค้าชนิดหนึ่ง ทำอย่างไรก็ได้ให้ขายของให้ได้ ซึ่งการที่จะขายสินค้า คุณต้องรู้รายละเอียด คุณสมบัติของสินค้าอย่างครบถ้วนเสียก่อน เมื่อรู้แล้ว เรื่องราวเหล่านั้นก็จะสามารถนำเสนอขายให้คนนอกพื้นที่ได้ด้วย
ในส่วนรูปแบบ ซัมอธิบายว่า เขาได้เข้าไปยังโรงเรียนมัธยมทั้ง 4 แห่งของ อ.แว้ง ชักชวนแกนนำ มาโรงเรียนละ 7 – 8 คน เพื่อเป็นแกนนำขับเคลื่อน เริ่มด้วยการเข้าค่ายเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ต่อจากนั้นนำแกนนำทั้ง 30 คน กระจายลงสู่ระดับประถมศึกษา ไปบอกต่อน้องๆ ให้รักและหวงแหนบ้านเกิดของตัวเอง หลังจากนั้นจึงออกนอกพื้นที่กับรูปแบบกิจกรรมที่ขยายใหญ่ขึ้น
“ตอนนี้เด็กๆ รู้แล้วว่า แว้งมีข้อดีอย่างไร ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจอย่างยิ่ง เพราะกลุ่มเด็กเริ่มแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ” ประธานกลุ่มบอกพร้อมรอยยิ้ม กิจกรรมที่ซัมนำมาใช้กับกลุ่มเยาวชน คือ ศิลปะที่สัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมในป่าฮาลา – บาลา เช่น เพ้นท์สีก้อนหิน ทำที่คั่นหนังสือ ใบไม้สีทอง ทำที่เสียบดินสอด้วยไม้ไผ่แกะสลักรูปนกเงือก เป็นต้น
ส่วนผลของการรวมกลุ่มยังยิ้ม ซัมบอกว่า “ก่อนหน้านี้ เด็กเลิกเรียน กลับมาบ้านก็ไม่มีอะไรทำ เที่ยวเตร่ไปตามประสา แต่พอเกิดกลุ่มขึ้นมา เด็กเลิกเรียนกลับถึงบ้าน จะรีบเข้ามาที่ทำการของยังยิ้มทันที ซึ่งมีหนังสือให้อ่านมีกิจกรรมให้เล่น มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน เป็นต้น ผู้ปกครองก็สบายใจ ไม่ต้อกลัวว่าลูกๆ จะไปเถลไถลที่ไหนอีก”
นอกจากความเป็นห่วงจากน้องๆ เยาวชนแล้ว เรื่องราวหนึ่งซึ่งเปลี่ยนวิถีของเด็กเกเรให้กลายเป็นที่รักของชุมชนได้ ก็เป็นอีกแรงเสริมกำลังใจให้กับประธานกลุ่มยังยิ้ม มีเด็กคนหนึ่งเกเรมากๆ เรียกได้ว่า ครบถ้วนเรื่องเกเรเลย ไม่เรียนหนังสือ ติดยาเสพติด เที่ยว ผมเริ่มสังเกตเขาตั้งแต่ครอบครัวแล้วพบว่า พ่อแม่ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าลูกจะไปไหน จนเรียนไม่จบ ผมจึงดึงเด็กคนนี้มาช่วยงานในกลุ่ม ให้เขามีกิจกรรมทำ ให้ตระหนักถึงคุณค่าของตัวเอง จากเมื่อก่อนนี้ ถ้าเขาไม่อยู่บ้าน ทุกคนในหมู่บ้านจะดีใจมาก
ยังยิ้ม นับว่าก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เพราะเพิ่งก่อตั้งเมื่อต้นปี 2556 ซัมบอกว่า เป็นเพราะสื่อสังคมออนไลน์ด้วยส่วนหนึ่งที่กระจายเรื่องราวดีๆ ของพวกเขา ตอนนี้เด็กของเรามีความคิดต่อป่าฮาลา – บาลา อีกมิติหนึ่ง จากเมื่อก่อน ไม่เห็นคุณค่า แค่ไปเที่ยวน้ำตกเฉยๆ แต่เดี๋ยวนี้พอพวกเขาไปจะต้องติดสมุดโน้ตไปด้วย เพื่อจดบันทึกเรื่องราวต่างๆ และเรียนรู้เรื่องเฟิร์น เรื่องดอกดาหลา อย่างสนใจ ซึ่งก็ต้องค่อยๆ ซึมซับกันไปครับ
“เมื่อกลุ่มแข็งแรงแล้วจะไปจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ความรู้ กับกลุ่มเครือข่าย ของ สสย. ที่มีอยู่ทั่วประเทศ และทั้งนี้ต้องขอขอบคุณหมู่มิตรทุกๆ คน ที่เป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์ เดินทางเพื่อสร้างรอยยิ้มให้เด็กๆ ซึ่งจะเติบโตอย่างสร้างสรรค์ในวันข้างหน้าต่อไป” ซัม กล่าว
“งานสร้างสรรค์สังคม ไม่จำเป็นต้องสร้างค่าย ออกค่าย แม้อยู่บ้านเราก็ทำงานสร้างสรรค์ได้ โดยชวนเพื่อนๆ ไปอ่านหนังสือตามมุมต่างๆ หรือหมุนเวียนไปอ่านหนังสือ วาดรูป ร้องเพลงตามบ้านเพื่อนๆ บ้างก็ได้ พยายามสร้างงาน อยากจะให้ทำงานสร้างสรรค์ในหมู่บ้านเราก่อน แล้วเราจะสนุกกับมันเอง”
ที่มา : เว็บไซต์ south good story เรื่องราวดีๆ ในสามจังหวัดชายแดนใต้