“ริมปิง” ต้นแบบตำบลนมแม่ ชุมชนนี้…ปลอดนมผง
อาหารชนิดแรกที่ทารกทุกคนควรได้รับและเป็นอาหารที่ดีที่สุดก็คือ “น้ำนมแม่” เพราะอุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์และคุณค่ามหาศาลต่อการพัฒนาสมอง สติปัญญา และอารมณ์ ทำให้ลูกน้อยมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ มีภูมิต้านทานและเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่ต่อไป ที่สำคัญยังเป็นการเสริมสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีต่อกันระหว่างแม่กับลูก
เมื่อเร็วๆ นี้ มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ร่วมกับองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (unicef) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และกรมอนามัย ได้จัดงานคณะสื่อมวลชนสัญจรเยี่ยมชมตำบลนมแม่และมุมนมแม่ ณ สถานประกอบการ ตำบลริมปิง จังหวัดลำพูน เพื่อเสนอแนวทางในการส่งเสริมเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้ประสบความสำเร็จ
โดยตำบลริมปิง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน เป็น 1 ใน 5 ตำบลแรกที่ได้รับคัดเลือกโดยสมัครใจจากกรมอนามัยให้เป็น “ตำบลต้นแบบ” ในการดำเนินงานโครงการ “ตำบลแม่เพื่อสายใยรักแห่งครอบครัว” สนองต่อพระดำริของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ
โครงการ “ตำบลนมแม่” เริ่มดำเนินโครงการเมื่อเดือนตุลาคม 2553 ภายใต้กระบวนการมีส่วนร่วมของหน่วยงานบริการสาธารณสุข องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แกนนำองค์กรชุมชน และสถานศึกษาในพื้นที่ร่วมจัดทำ “แผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์ตำบลนมแม่” ร่วมกับตำบลอื่นๆ ที่ร่วมโครงการ
กระทั่งมีการจัดเวทีประชาคมตำบลนมแม่ ผลักดันประเด็นนมแม่เข้าสู่ธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพตำบลริมปิง ฉบับที่ 1 พ.ศ.2553 เนื้อหาเรื่องการกำหนดให้หญิงหลังคลอดในตำบลริมปิงทุกคนควรเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียว 6 เดือน โดยมีเป้าหมายเพื่อให้การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่กลายเป็น “วัฒนธรรม” ของคนตำบลริมปิง พร้อมกันนั้น ได้มีการประชุมเพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการตำบลนมแม่ตามแผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์ที่ได้วางไว้ โดยมีกำหนดระยะเวลาดำเนินการในระยะเวลา 3 เดือน
นายธวัชชัย กันทะวันนา ผู้อำนวยการกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลตำบลริมปิง กล่าวว่า แผนปฏิบัติการตำบลนมแม่ เริ่มต้นจากการสำรวจข้อมูลด้านอนามัยแม่และเด็ก พร้อมกับการพัฒนาความรู้และทักษะให้แก่บุคลากรและแกนนำ เช่น อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) เจ้าหน้าที่สาธารณสุข เทศบาลตำบลริมปิง และคณะทำงานตำบลนมแม่ฯ เน้นการทำงานเชิงรุกเพื่อให้ความรู้แก่คนในชุมชน พร้อมกับดำเนินการเพื่อให้สามารถนำความรู้ความเข้าใจไปปฏิบัติได้จริง โดยการจัดทีมสหวิชาชีพเยี่ยมบ้านเพื่อรับฟังสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในครอบครัว ก่อนจะเสริมศักยภาพของชุมชนในการจัดการปัญหา จนนำไปสู่การพัฒนา “แม่ลูกต้นแบบ” และ “ครอบครัวต้นแบบ” เพื่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ รวมถึงการจัดส่งอาสาสมัครออกให้คำแนะนำเจ้าของร้านขายของชำในพื้นที่ จนเป็นพื้นที่ร้านค้าปลอดนมผง เพื่อเฝ้าระวังการละเมิดหลักเกณฑ์การตลาดผลิตภัณฑ์อาหารทารกทดแทนนมแม่ หรือ code อย่างไรก็ตาม การจะก้าวขึ้นมาเป็นตำบลนมแม่ได้สำเร็จอย่างยั่งยืน นอกจากจะได้รับการสนับสนุนจากชุมชน องค์กรปกครองท้องถิ่นแล้ว ยังจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานบริการสาธารณสุขและครอบครัว เพื่อเกิดกระบวนการเชื่อมโยงในทุกด้าน
“การที่ชุมชนให้ความสำคัญกับนมแม่ เพราะค่าน้ำนมคือโอกาสของการสร้างคน ถ้าเราปูพื้นฐานที่ดี เราจะได้เยาวชนที่แข็งแรงทั้งทางสติปัญญาและจิตใจ เพื่อพัฒนาชาติในอนาคต” ผู้อำนวยการกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลตำบลริมปิง กล่าว
แพทย์หญิงวรรณมณี มาธนะสารวุฒิ สูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลลำพูน กล่าวว่า ในปี พ.ศ.2550 โรงพยาบาลลำพูนได้เข้าร่วมโครงการโรงพยาบาลสายใยรักแห่งครอบครัว มีการส่งเสริมการเลี้ยงด้วยนมแม่ตั้งแต่การระยะตั้งครรภ์ ระยะคลอด ระยะหลังคลอด รวมถึงการส่งเสริมสุขภาพเด็กปฐมวัยที่เชื่อมโยงกับการทำงานของภาคชุมชน
ในระยะตั้งครรภ์จะมีการให้ความรู้เรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนม โครงการเตรียมคลอด อบรมหญิงตั้งครรภ์ สามี ตลอดจนสมาชิกในครอบครัว ประชาสัมพันธ์ที่คลินิกเรื่องการเลี้ยงนมแม่ แม้แต่การเตรียมการเผชิญกับความเจ็บปวดจากการคลอด การปฐมนิเทศ กระทั่งสู่ระยะคลอดซึ่งเป็นช่วงสำคัญ โรงพยาบาลจะไม่มีนโยบายการแยกแม่ แยกลูก อย่างเด็ดขาด
“เราพบข้อดีหลายประการของการ ไม่แยกลูก แยกแม่ อย่างชัดเจนเลยว่า แม่ที่ได้โอบกอดลูกและให้นมลูกตั้งแต่แรกคลอดนั้น จะเกิดความรัก ความผูกพันกับลูกสูงมาก เห็นได้จากสัดส่วนการทิ้งลูกไว้ที่โรงพยาบาลลดลงจนเป็นศูนย์ นอกจากนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จในการเลี้ยงด้วยนมแม่อย่างเดียวล้วน 6 เดือน” สูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลลำพูนบอก
สำหรับระยะหลังคลอด เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจะออกเยี่ยมบ้าน เพื่อให้คำปรึกษาและร่วมหาทางแก้ไขต่างๆ ซึ่งในระยะหลังคลอดนี้จะดำเนินการร่วมกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ตลอดจนปราชญ์นมแม่ ซึ่งเป็นอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. จะเป็นแกนนำหลักในการทำงานเชื่อมระหว่างโรงพยาบาล โรงพยาบาลสุขภาพตำบล (รพ.สต.) และชุมชน นอกจากนี้ โรงพยาบาลมีนโยบายเข้มงวด งดรับการสนับสนุนผลิตภัณฑ์หรือสิ่งของบริจาคจากบริษัทนมผงต่างๆ โดยสิ้นเชิง
ด้าน นายสมศักดิ์ ดวงวรรณา ปราชญ์นมแม่ และ อสม. กล่าวว่า ปราชญ์นมแม่จะมีบทบาทหน้าที่กลไก 5 ขั้นตอนในการเสริมสร้างการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของคนริมปิงคือ เก็บข้อมูลเยี่ยมบ้าน ถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ชุมชน และชักชวนแม่หลังคลอดให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เฝ้าระวัง ปกป้อง ส่งเสริมโดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น เชื่อมประสานภาคีเครือข่ายเพื่อให้การช่วยเหลือและสนับสนุน และมีจิตอาสาในการทำงาน “เป้าหมายของการรณรงค์นมแม่ สำหรับผมก็คือการสร้างพื้นฐานที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้เด็กริมปิงสามารถเติบโตขึ้นมาอย่างมีคุณภาพเท่านั้นเอง” ปราชญ์นมแม่กล่าวทิ้งท้าย
จากกระบวนการมีส่วนร่วมทั้ง 3 ภาคส่วน หรือ 3 เสา อันได้แก่ โรงพยาบาล-ชุมชน-ครอบครัวนี้เอง เป็นผลให้ตำบลริมปิงประสบความสำเร็จในการเพิ่มอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ร้อยละ 60 โดยตำบลริมปิงสามารถเพิ่มอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สูงถึงร้อยละ 81.25
ตำบลริมปิงจึงเป็นตำบลนมแม่ต้นแบบที่มีความเข้มแข็งในการส่งเสริม สนับสนุนวัฒนธรรมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และยังห่างไกลจากอิทธิพลกลยุทธ์การตลาดและการโฆษณาของบริษัทนมผงโดยแท้จริง
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์