รั้วกินได้ กำแพงที่ไม่เคยปิดกั้น หัวใจแบ่งปันของชาวห้วยพรหม

 

รั้วกินได้ กำแพงที่ไม่เคยปิดกั้น หัวใจแบ่งปันของชาวห้วยพรหม

 

“รั้วอะไรก็ไม่สู้รั้วต้นไม้” เป็นคำกล่าวของ ชัยภัทร ย่อมสระน้อย แกนนำแหล่งเรียนรู้ชุมชนพอเพียง บ้านห้วยพรหม ซึ่งมีความเชื่อว่า ต้นไม้ไม่มีเก่านานวันยิ่งมีค่า ปลูกไว้ไม่มีอะไรเสียหาย ซึ่งตลอดระยะเวลาหลายปีที่ทำมา ได้เป็นบทพิสูจน์ที่แสดงให้เห็นถึงคุณค่าของการสร้างรั้วต้นไม้ขึ้นมา บริเวณพื้นที่รอบๆ บ้าน เมื่อสีเขียวที่เห็นเด่นงาม ได้กลายเป็นอาหารในแต่ละวัน และเป็นสิ่งซึ่งแบ่งปันกันในชุมชน

ลุงชัยภัทร เป็นครูประจำโรงเรียนบ้านโนนเหลื่อม ซึ่งตั้งอยู่ในหมู่ที่ 3 ของตำบลอุดมทรัพย์ การรับราชการคืออาชีพเดียวที่ลุงชัยภัรยึดปฏิบัติมานาน โดยสอนวิชาการงานพื้นฐานอาชีพ และวิชาวิทยาศาสตร์ ซึ่งนั่นคือภาคส่วนหลักของชีวิต หากแต่เรื่องเกษตรกรรม อาจบอกได้ว่า เป็นความสามารถที่ผูกติดกับชีวิตคนชนบทมาช้านาน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สวนของลุงชัยภัทรจะเขียวชอุ่มไปด้วยพืชผักสวนครัวถึง 60 ชนิด ไม่นับรวมไม้ผลไม้ดอกที่เติบโต แทรกเติมแต่งความสวยงามให้ประจักษ์แก่สายตาผู้พบเห็น

“ผมปลูกผักเอาไว้กิน และแบ่งปันให้เพื่อนบ้านเป็นหลัก ทำเสมือนเป็นกิจกรรมยามว่าง ก่อนที่จะถูกยกระดับให้เป็นแหล่งเรียนรู้ในช่วงหลัง ผมปลูกไปตามฤดูกาล มีทั้งผักและผลไม้ให้ หอม กระเทียม โหระพา ฟัก หมาก มะกอกน้ำ มะเฟือง มะไฟ แล้วก็มีอีกมาก ไล่ไม่ครบ สดกว่าเก็บในตู้เย็นอีก และช่วงเวลาที่เราควรเก็บผัก ก็คือช่วงเช้าเพราะพืชจะกักเก็บสารอาหารไว้มากที่สุด” ลุงชัยภัทรเล่า อย่างเป็นกันเอง หัวเราะ และยิ้มแย้มตลอดเวลา คงเป็นผลสืบเนื่องจากการอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ดี

บ้านลุงชัยภัทรเป็น 1 ในบ้านตัวอย่างของชุมชนบ้านห้วยพรหม ที่ตำบลใกล้เคียงต่างเข้ามาศึกษาเรียนรู้ ถึงกระบวนการในการผลิต รวมถึงการดูแลรักษา ยิ่งเมื่อภายหลังได้รับการยกระดับเป็นแหล่งการเรียนรู้กลุ่มเกษตรกรรมยั่งยืนที่สำคัญแหล่งหนึ่งของตำบลอุดมทรัพย์ ภายใต้การสนับสนุนของสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ก็ยิ่งทำให้รั้วของลุงชัยภัทรได้ทำหน้าที่แบ่งปัน ตามเจตนารมณ์ที่ลุงว่าเอาไว้

“จริงๆ แล้ว เกือบทุกบ้านในห้วยพรหม ก็ได้ทำในสิ่งที่ผมทำอยู่ ซึ่งถือเป็นความน่ายินดี เพราะสิ่งนี้คือรากฐานของการดำรงชีวิต ตามวิถีทางเศรษฐกิจพอเพียง ปลูกไว้กิน แบ่งปัน เหลือมากจึงนำไปขาย เป็นเงินเป็นทอง อย่างคนที่นี่เวลาจะเอาพืชผักในบ้านไปขาย ก็จะรวมตัวกัน เอารถไปคันเดียว ขายกลับมาก็มีเงินเหลือ แม้จะไม่มาก แต่ก็เป็นรายได้ที่น่าภาคภูมิใจ” ลุงชัยภัทรเสริม

หากใครผ่านมาพูดคุยกับลุงชัยภัทร คงจะชอบใจแกทุกคน ด้วยความเป็นคนอารมณ์ดี มีเอกลักษณ์ตรงเคี้ยวหมาก ซึ่งแก่เล่าว่า ติดมาจากแม่ยาย ไม่รวมทั้งความรู้มากมายที่ยินดีมอบให้ด้วยความเต็มใจ

เมื่อเดินผ่านออกมาจะเห็นสภาพพื้นที่โดยรอบของบ้านห้วยพรหม ปฏิเสธไม่ได้ว่า ลักษณะของพื้นที่นั้นเชื่อมโยงกับวิถีชีวิตของผู้คน บ้านห้วยพรหมมีลักษณะเป็นพื้นที่ราบ เหมาะแก่การเพาะปลูก ทั้งทำนา ทำไร่ หรือแม้กระทั้งการเลี้ยงสัตว์ พื้นที่นี้จัดว่าเพียบพร้อม แต่กระนั้น มิตร ปนพรหมราช ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 บ้านห้วยพรหม กลับยอมรับว่า ที่นี่มีปัญหาอย่างหนึ่งที่ประสบพบเจอมาโดยตลอด ก็คือ น้ำท่วม

บ้านห้วยพรหมมีลักษณะเป็นพื้นที่ราบ โอบล้อมด้วยภูเขา จึงมักประสบปัญหา แต่ก็ยังนับว่าโชคดี เพราะตำบลอุดมทรัพย์มีการอนุรักษ์ป่าไม้ จึงทำให้ไม่เจอหนักเหมือนอย่างที่อื่น ซึ่งด้วยความอุดมสมบูรณ์นี้เอง จึงทำให้บ้านไหนก็สามารถปลูกผักไว้กินเองได้

ผู้ใหญ่มิตร เสริมอีกว่า ชาวบ้านห้วยพรหมปลูกผักริมรั้วมานานแล้ว ทุกบ้านต่างไม่หวงผักที่ตัวเองปลูก บ้านไหนขาดเหลืออะไร ลองเดินไปตามรั้วของเพื่อนบ้าน บอกกล่าวแล้วหยิบไปใช้ทำกินกันได้ เรื่องนี้เป็นที่รู้กัน

ผักสวนครัวของคนบ้านห้วยพรหมนั้นครบเครื่อง เพราะแม้จะเป็นผักริมรั้ว หากแต่เป็นรั้วที่กว้างใหญ่ไพศาลด้วยน้ำใจ ขอบเขตจึงมิได้อยู่เพียงแค่บ้านของตนเอง อย่างที่บ้านผู้ใหญ่มิตรนั้น ก็มีทั้ง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด โหระพา ฟัก มะนาว มะรุม และผักอื่นๆ อีกมาก ไม่นับรวมผลไม้ที่มีทั้งมะกอกน้ำ กล้วยนานาพันธุ์ และอื่นๆ

นอกจากนี้ บ้านห้วยพรหมยังแว่วเสียงดนตรีจากธรรมชาติ ให้ได้ยินกันอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเหล่าบรรดานักดนตรีคือ ลูกไก่ที่วิ่งตามแม่ไก่ไปไหนมาไหน โดยเฉพาะตอนให้อาหาร เมื่อไก่โตได้ที่ ก็จะนำมาปรุงอาหาร ให้ลูกหลานและคนในครอบครัวได้รับประทานกัน

ส่วนอุดมศักดิ์ พาหอม รองผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 เสริมว่า คนห้วยพรหมส่วนใหญ่ไม่ต้องซื้อกับข้าว หากินภายในรั้วบ้าน หลายบ้านขุดบ่อ เอาปลามาลง เลี้ยงจนตัวโตแล้วค่อยนำมาปรุงอาหาร ส่วนบนพื้นดินก็มีไก่วิ่งไปมา ซึ่งเลี้ยงกันแทบทุกบ้าน

“เราอยู่กับแบบเรียบง่าย ในบางวันแทบไม่ต้องเสียเงินค่าอาหาร บ้านห้วยพรหมมีนา มีน้ำ มีผัก มีทุกอย่างที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต หยิบเอาจากรั้วหน้าบ้านมาทำกินกัน ขาดเหลือสิ่งใด ลองไปขอเด็ดเอาจากเพื่อนบ้าน อย่างที่บ้านผม กินกันประจำก็แกงจืดฟัก แกงมะรุม เพียงแค่ไม่กี่ก้าว ก็ถึงครัว ชีวิตง่ายทีเดียว” รองผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 กล่าว

นอกจากนี้ ความน่ายินดีอย่างหนึ่งก็คือ การปลูกผักริมรั้วได้เป็นเรื่องราวของครอบครัว ทำให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ถึงประโยชน์ ทั้งได้รู้จักพืชผักพื้นบ้าน อย่างที่บ้านลุงชัยภัทรเอง ลูกๆ ก็เป็นแรงหนึ่งที่ช่วยสรรค์สร้างรั้วสีเขียวให้งอกงาม

“ลูกๆ ผมเขาชอบไม้ดอกเป็นพิเศษ เขาก็จะไปหาเอามาปลูกแซมไว้กับพืชผัก ซึ่งมองแล้วก็ดูสวยดี จริงๆ ปลูกอะไร ก็ปลูกได้ทั้งนั้น ถ้าเขาอยากปลูก เพราะสิ่งสำคัญคือ เหมือนเราได้ปลูกต้นไม้ลงในหัวใจเขาด้วย” ลุงชัยภัทรสรุป

 

 

ที่มา : ปันุสข

Shares:
QR Code :
QR Code