รับมือสังคมสูงวัย
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ
แฟ้มภาพ
กรมกิจการผู้สูงอายุ เผยในปี 2574 ไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยระดับ สุดยอด หรือมีประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไป เท่ากับหรือมากกว่า 14% ของจำนวนประชากร ชี้ผู้สูงอายุปัจจุบัน 11 ล้านคน ติดสังคม 79.5% ติดบ้าน 19% และ ติดเตียง 1.5% ระบุส่วนใหญ่ "แก่ก่อนรวย" รายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจน มากกว่าครึ่ง วุฒิต่ำกว่าประถม พึ่งพิงวัยแรงงานมากขึ้น ด้านสังคมย่ำแย่ 10% ใช้ชีวิตโดดเดี่ยว
นางธนาภรณ์ พรมสุวรรณ อธิบดี กรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า ประเทศไทยได้เข้าสู่สังคม ผู้สูงอายุ (aging society) มาตั้งแต่ปี 2548 โดยข้อมูลประมาณประชากรของประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์ฯ) คาดว่า ปี 2564 ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่สังคม สูงอายุระดับสมบูรณ์ (aged society) โดยมีคนอายุ 60 ปีขึ้นไป เป็นสัดส่วนเท่ากับหรือมากกว่า 20% ของประชากรทั้งหมด และอีก 10 ปีจากนั้น หรือ ปี 2574 จะก้าวเข้าสู่ สังคมสูงอายุระดับสุดยอด (super-aged society) มีคนอายุ 65 ปีขึ้นไป เป็นสัดส่วนเท่ากับหรือมากกว่า 14% ของประชากรทั้งหมด หรือมีผู้ที่อายุ 60 ปี เป็นสัดส่วนเท่ากับหรือมากกว่า 28% ของประชากรทั้งประเทศ
ข้อมูลล่าสุด ยังพบว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีประชากรสูงอายุอยู่ประมาณ 11 ล้านคน หรือ 16.5% ของประชากร ทั้งประเทศ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1. กลุ่ม ติดสังคม 8,572,780 คน สัดส่วน 79.5% 2. กลุ่มติดบ้าน 2,048,840 คน สัดส่วน 19% และ 3. กลุ่มติดเตียง 161,760 คน สัดส่วน 1.5%
วัยเก๋า 'แก่ก่อนรวย'
ทั้งนี้ จากโครงสร้างประชากร เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ประเทศเผชิญกับ ประเด็นท้าทายต่างๆ ในการทำงานพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุไทย ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจ ผู้สูงอายุไทยส่วนใหญ่ "แก่ก่อนรวย" โดยข้อมูลการสำรวจ ประชากรสูงอายุในประเทศไทย ปี 2557 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า มีผู้สูงอายุมากถึง 1 ใน 3 ของผู้สูงอายุ ทั้งหมด ที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจน สัดส่วน 34.30% (เส้นความยากจน ปี 2557 เท่ากับ 2,647 บาทต่อคนต่อเดือน หรือ 31,764 บาทต่อคนต่อปี) และปี 2560 เท่ากับ 2,667 บาทต่อคนต่อเดือน หรือ 32,004 บาทต่อคนต่อปี
นอกจากนี้ ผู้สูงอายุไทยยังได้รับ การศึกษา ค่อนข้างน้อย โดยมากกว่าครึ่ง จบการศึกษาระดับต่ำกว่าประถมศึกษา ทำให้มีข้อจำกัดในการเข้าถึงโอกาสใน การทำงานเชิงเศรษฐกิจ และโอกาสที่จะ เข้าถึงบริการต่างๆ ของภาครัฐ ทำให้ สัดส่วนผู้สูงอายุในลักษณะการพึ่งพิงประชากรวัยแรงงานมากขึ้น โดยอัตราส่วนระหว่างประชากรวัยแรงงานต่อผู้สูงอายุ จะลดลงเหลือเพียง 2 คน ต่อผู้สูงอายุ 1 คน ในอีกประมาณ 20 ปีข้างหน้า
โดดเดี่ยว-สุขภาพแย่
สำหรับด้านสังคม ผู้สูงอายุนิยม มีบุตรน้อยกว่าอดีต และมีแนวโน้มที่จะอาศัยอยู่กับบุตรน้อยลง มีสัดส่วนของ ผู้สูงอายุไทยที่อาศัยอยู่เพียงลำพัง มากถึง 10% ขณะที่ด้านสุขภาพ กว่าครึ่งหนึ่ง ของผู้สูงอายุมีปัญหาสุขภาพ ซึ่งผู้สูงอายุไทยมีแนวโน้มที่จะเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรัง และมีภาวะทุพพลภาพมากขึ้นตามอายุ
โดยโรคที่มักพบในกลุ่มผู้สูงอายุ ได้แก่ ข้ออักเสบ/ข้อเสื่อม โรคถุงลม โป่งพอง/หลอดลมปอดอุดกั้นเรื้อรัง หลอดเลือดหัวใจตีบ กล้ามเนื้อหัวใจตาย และ อัมพาต โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ ที่มีอายุ 80 ปีขึ้นไป ดังนั้นประชากรสูงอายุ กลุ่มนี้ จึงเป็นกลุ่มที่ ต้องการการดูแล ระยะยาวมากที่สุด
สำหรับสภาพแวดล้อมด้านการ อยู่อาศัย ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ประสบอุบัติเหตุจนได้รับบาดเจ็บภายในที่พักอาศัยของ ตนเอง เช่น การหกล้ม การลื่นทั้งภายในบ้าน และภายนอกบ้านตัวเอง
10 เรื่องเร่งด่วนดูแลสูงวัย
อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ ยังระบุว่า แนวทางรองรับสังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย รัฐบาลตระหนักและเห็นความสำคัญของการเป็นสังคมสูงอายุ และส่งเสริมผลักดัน ให้ "สังคมสูงอายุเป็นวาระแห่งชาติ" โดย 10 ประเด็นเร่งด่วนที่เร่งขับเคลื่อน ให้แล้วเสร็จและเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม ในช่วงปี 2561-2564 ดังนี้
1. การสร้างระบบคุ้มครองและสวัสดิการผู้สูงอายุ 2. การทำงานและ การสร้างรายได้สำหรับผู้สูงอายุ 3. ระบบสุขภาพเพื่อรองรับสังคมสูงวัย ต้องพัฒนา ระบบบริการสุขภาพแบบไร้รอยต่อใน ทุกระดับ 4. ปรับสภาพแวดล้อมชุมชน และบ้านให้ปลอดภัยกับผู้สูงอายุ 5. ธนาคารเวลา (สังคมไม่ทอดทิ้งกัน) โดยที่ผู้สูงอายุ ในชุมชนต้องได้รับการดูแล และประชาชน ทุกวัยเรียนรู้และมีส่วนร่วมในการดูแล ผู้สูงอายุ 6. การสร้างความรอบรู้ให้คนรุ่นใหม่เตรียมความพร้อมในทุกมิติ 7. กำหนดให้สังคมสูงอายุเป็นระเบียบวาระแห่งชาติ 8. การปรับเปลี่ยนกฎหมาย ระเบียบปฏิบัติข้อบังคับให้เอื้อต่อการทำงานด้าน ผู้สูงอายุ 9. ปฏิรูประบบข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนงาน ด้านผู้สูงอายุอย่างมีประสิทธิภาพ โดย มี ฐานข้อมูลรายบุคคลของผู้สูงอายุ และ 10. พลิกโฉมนวัตกรรมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ในสังคมสูงอายุ
ปรับตัวรับมือ 'สังคมสูงวัย'
นอกจากนี้ยังกล่าวด้วยว่า ผู้สูงอายุในยุค Thailand 4.0 และ 5.0 ต้องรู้ เท่าทันเทคโนโลยี เข้าถึงสิทธิ และสามารถใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างงานสร้างรายได้ ให้กับตนเองและครอบครัว รวมถึงใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรมเพื่ออำนวย ความสะดวกในการดำรงชีวิตให้กับ ตนเองได้ เพื่อลดการพึ่งพาต่อไป ดังนั้น การเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่วัยสูงอายุของคนทุกช่วงวัยจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะอย่างน้อยจะทำให้บุคคลมีหลักประกัน ที่มั่นคงในยามสูงวัย
โดยหลักๆ ต้องเตรียมพร้อมสุขภาพกายและจิตใจ, ด้านการเงิน บุคคลควร มีการวางแผนทางการเงินล่วงหน้า เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 5- 10 ปี เพื่อให้ มีเวลาเก็บออมเงินให้เพียงพอไว้ใช้จ่าย ในยามสูงอายุ, ด้านที่อยู่อาศัย เหมาะสมกับ สภาพของวัยสูงอายุ, ด้านผู้ดูแล การเข้าสู่ วัยสูงอายุทำให้สภาพร่างกายเสื่อมถอย และต้องการการดูแลในยามเจ็บป่วย ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ อย่างไรก็ตาม ผู้สูงอายุ หรือประชาชนที่อยากเตรียมพร้อมรับมือสังคมสูงวัย สามารถปรึกษาได้ฟรีติดต่อได้ที่ 1300 ตลอด 24 ชั่วโมง