ระวังยาทาฝ้า แพทย์แนะมีวิธีรักษาต่างกัน

หมอผิวหนังเตือนใช้ยาทาฝ้าผิดไม่หาย ชี้วิธีรักษาต่างกัน – แนะพบแพทย์


ระวังยาทาฝ้า แพทย์แนะมีวิธีรักษาต่างกัน thaihealth


นพ.จินดา โรจนเมธินทร์ รองผอ.สถาบันโรคผิวหนัง กล่าวว่า ฝ้า ถือเป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง ที่เกิดจากเม็ดสีผิวเปลี่ยนไป สาเหตุเกิดจากการถูกแสงแดด พันธุกรรม ฮอร์โมน การใช้ยาหรือเครื่องสำอางที่มีฤทธิ์กระตุ้นเม็ดสีผิวให้เปลี่ยน และปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้ผิวเกิดระคายเคือง ซึ่งบางคนอาจเกิดจากสาเหตุเดียว บางคนเกิดจากหลายสาเหตุ ทำให้การรักษาโรคผิวหนังปัจจุบันต้องอาศัยหลักการรักษาผู้ป่วยที่แตกต่างเฉพาะราย เพื่อให้เกิดการวินิจฉัยที่ละเอียดขึ้น แต่พบว่าผู้ที่เป็นฝ้าส่วนใหญ่นิยมซื้อยามารักษาเอง บางคนหาย บางคนไม่หาย แถมเกิดผลข้างเคียง บางคนเป็นฝ้าลึก บางคนเป็นฝ้าตื้น กรณีฝ้าลึกทายาไม่หาย บางรายพบว่ารอบๆ ฝ้ายังเป็นรอยด่าง เพราะยามีฤทธิ์ทำให้ผิวหนังจางลง


นพ.จินดากล่าวต่อว่า ผู้บริโภคต้องเข้าใจด้วยว่า ที่บอกว่าผลิตภัณฑ์รักษาฝ้าให้หาย คือ การรักษาหายแบบชั่วคราว ไม่ใช่ถาวร เพราะหากยังสัมผัสกับสาเหตุที่ทำให้เกิดฝ้า ก็มีโอกาสกลับมาเป็นได้อีก วิธีที่ดีที่สุดคือ ควรมาพบแพทย์ เพื่อตรวจและวินิจฉัยว่าเกิดจากสาเหตุใด และเลือกวิธีรักษาและป้องกัน เช่น หากเกิดจากแสงแดด เมื่อรักษาหายแล้วก็ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด หรืออย่างพันธุกรรม อันนี้ไม่มีทางรักษาหาย กรณีฝ้าเลือด คือฝ้าที่มีเส้นเลือดขึ้นคู่กัน เกิดจากเส้นเลือดฝอยที่ผิดปกติมีผลทำให้เกิดฝ้า เมื่อรักษาตรงเส้นเลือดฝอยก็พบว่าฝ้าดีขึ้น เป็นต้น การรักษาฝ้ามีหลายวิธี เช่น เลเซอร์ช่วยกำจัดเม็ดสีผิวส่วนเกินได้ แต่ไม่ช่วยป้องกันเม็ดสีผิวไม่ให้ผิดปกติ ส่วนยาทาฝ้าบางตัวลดการสร้างเม็ดสีผิวผิดปกติไม่ให้ขึ้นใหม่ ซึ่งการรักษาบางครั้งต้องผสมผสานกันทั้งสองแบบ การซื้อยามาทาจึงอาจไม่หาย เพราะฉะนั้นก่อนซื้อผลิตภัณฑ์ต้องศึกษาข้อมูล และต้องระวังโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีอย. และโฆษณาว่ารักษาหายภายใน 7 วัน หรือหายในเวลาที่รวดเร็ว เพราะอาจใส่สารอันตรายลงไป ปกติจะใช้เวลารักษา 4-8 สัปดาห์


 


 


ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด 

Shares:
QR Code :
QR Code